“แคทรียา อิงลิช” พูดบ้าง โต้กลับ “เมเปิ้ล” ละเอียดยิบ ย้ำไม่เคยพูดว่าโกงแต่ขอความชัดเจน

ยังคงเคลียร์กันไม่ลงตัว สำหรับ นักแสดง-นักร้องสาว แคท-แคทรียา อิงลิช และ อดีตนางแบบสาว เมเปิ้ล พัชชุดาญ์ ที่เกิดการแตกหักหลังร่วมหุ้นกันทำธุรกิจร้านทำเล็บร่วมกันและร้านต้องปิดไป ขณะที่ยังคงมีประเด็นเกี่ยวกับเงินที่ลงทุนไป และ การบริหารร้านที่ยังเคลียร์กันไม่จบ  โดยทาง เมเปิ้ล ได้ออกมายืนยันว่าไม่ได้โกงเงินใคร พร้อมกับบอกให้แคทออกมาสัมภาษณ์พร้อมกันเลยเพื่อความกระจ่าง

ล่าสุด มีโอกาสเจอสาว แคท ในงานงานโปรโมทละคร “เวราอาฆาต” ออกอากาศทางช่อง 8 ที่ Nasa Market Street แคท ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องราวนี้อีกครั้ง

“ถ้าเราลงทุนกัน 50/50 แคทลงทุนไป 4 ล้านกว่า และ เงินทั้งหมด 100% รวมๆ แล้วเงินมันต้องเยอะมากเลยนะ และการที่เขาบอกว่าลงทุนไปอีก 2 ล้าน อันนี้ไม่เกี่ยวกับแคทแล้ว เพราะแคทออกการเป็นกรรมการแล้ว อย่ามาโบ้ย อย่ามาโยนขี้ใส่ คุณเป็นคนบริหารเอง ตลอดมาก็ไม่ได้อยากออกมาพูดอะไร แต่เขาออกมาต่อว่าแคทเยอะขนาดนี้แล้ว  แคทว่าเรามาเคลียร์กันก่อนดีไหม เพราะหนึ่ง ที่ข่าวออกมาครั้งแรกแคทไม่ใช่เป็นคนปล่อยข่าว และอย่ามาถามว่าใครเป็นคนปล่อย เพราะฉันก็ตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ถ้าฉันอยากให้เป็นข่าว ฉันให้เป็นข่าวมาตั้งแต่ปีก่อนหน้านั้นแล้ว”
 
“และมาบอกว่าต้องมาขอโทษเขา เพราะแคทไปบอกว่าเขาเป็นคนโกง แคทไม่ได้พูดคำว่าโกง กลับไปดูดีๆ แคทไม่เคยพูดคำนี้ แคทแค่พูดว่าแคทลงทุนไป 4 ล้านกว่า เงินของแคทหายไปไหนหมด เพราะไม่ใช่แค่เงินแคท คุณเอาเงินทั้งหมดมาลงทุนเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะแค่ 2-3 ล้านก็เหมาะสมกับร้านเล็บแล้วนะ แคทโอนให้เขาอย่างเดียว และเขาก็บอกว่าเปิ้ลบริหารเอง  เราก็ใจนะเรายอมรับว่าบกพร่องเองที่ไว้ใจเขา เขาก็บอกว่าหลักฐาน มีเอกสารต่างๆ แต่มันก็มีอะไรที่ขาดๆ หายไป คือ ฟังๆ แล้วก็งง เรามีสิ่งที่สงสัย เขาเอาเอกสารการเงินมากให้ มันก็เอกสารที่เราสงสัยอยู่”
 
“แต่จะมาหวังให้เราขอโทษ จะขอโทษทำไม เพราะคุณเป็นคนบริหาร บริหารยังไงให้เจ๊ง ถ้าคุณบอกว่าขาดทุน มันไม่ใช่ความผิดของฉันแล้ว เพราะฉันโอนอย่างเดียว แต่คุณ คือ บริหาร และมาบอกว่าพี่แคทตื้ออยากจะเป็นหุ้นให้ได้ มันไม่เกี่ยว ตื้อก็ส่วนตื้อ แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันเป็นก็ไม่ต้องให้เป็นตั้งแต่ทีแรก ฉันก็ขู่เธอได้เหรอ ใครจะบ้าเอาเงิน 4 ล้านมาให้คุณเผาทิ้ง นี่คือเงินเก็บของฉันเอามาลงทุน แทบจะไม่มีเงินกินข้าว และฉันจะออกมาขอโทษเพราะอะไร กับคำพูดที่ฉันไม่ได้พูดออกมา อย่างมาโยนขี้ใส่ เราใจดีมานานมากแล้ว แต่คุณยังมาต่อว่าฉันอีก มันไม่สมควรมากๆ”  
 
“ถามว่าเงิน 4 ล้านจะได้คืนไหม มันเป็นประสบการณ์เหมือนกัน และการที่เขาบอกว่าเซ้งร้าน แต่พอไปที่ร้านเขาก็ยังมีกุญแจอยู่นะ ไม่มีหลักฐานการซื้อขาย เพราะตอนแรกเราก็ไม่รู้ เขาขายของเขาเอง เพราะตั้งแต่ก่อนที่เกิดโควิดครั้งก่อน เราบอกเขาแล้วว่าแคทไม่ไหว เพราะเราโอนอย่างเดียว แต่ยังไม่เห็นมีรายรับเข้ามาเลย และในเมื่อต่อว่าฉันเยอะแล้ว ก็ขอพูดเหมือนกันว่าเปิ้ลเขาไม่ดูแลเรื่องเงิน แม้กระทั่งโต๊ะกาแฟราคา 15,000 บาท คุณจะซื้ออะไรมากมาย ฉันสามารถซื้อได้ตัวละ 500 บาท เขายืนยันว่ามันสวย ลับหลังก็มีเอาเงินไปซื้อของโดยไม่บอกแคทอีก เขาก็อ้างว่าเป็นอุปกรณ์ในร้านนี่แหละ เราก็เซ็นๆ ไปเพราะบอกว่าเป็นอุปกรณ์ เราดูไม่ละเอียดเองล่ะที่ไว้ใจ แต่เราก็ยังมีความเอ๊ะ”
 
“เรายอมรับว่าเป็นความผิดของเราเองส่วนหนึ่ง เพราะเราดูไม่ละเอียดเอง เราไว้ใจเกินไป แต่ยืนยันว่าฉันไม่เคยพูดคำว่าโกง แต่ฉันแค่เอ๊ะ!! ว่ารายละเอียดเงิน 4 ล้านที่ฉันให้ไป มันหายไปไหน ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจเอกสาร แต่มันมีเอกสารที่ขอไปนานมาก แต่ก็ยังไม่ได้ด้วย”
 
“ส่วนที่เขาบอกว่าให้มาสัมภาษณ์คู่กัน ก็เอาซิ คือ แคทบอกแล้วว่าหลักฐานก็ คือ หลักฐาน แคทไม่เคยออกมาตอบโต้เลย ไม่ได้บอกว่าแกโกงฉันนะ ฉันไม่เคยพูดคำนี้ แค่อยากบอกว่าขอรายละเอียดหน่อย และที่มันนานก็เพราะว่าเขาเพิ่งส่งเอกสารมาให้เมื่อไม่นานนี้เอง และที่เขาบอกว่าแคทไม่ยอมมาประชุม คือแคทถ่ายละคร และ บางทีก็ไม่มีการบอกด้วยว่ามีประชุม ทั้งๆ ที่กรรมการมีอยู่ 2 คน คือ เรากับเขา โทรคุยก็ได้ คุณก็ต้องดูด้วยว่าฉันต้องทำงาน ไม่ใช่นอนตีพุงอยู่บ้านเฉยๆ”
 
“และการที่เขาบอกว่าต้องเซ้งร้านเอาเงินมาจ่ายค่าลูกจ้างที่ค้างไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะการบริหารของเขาไง คุณบริหารยังไงล่ะ การที่คุณมาโยนขี้ใส่เราอย่างงี้ เราเลยถามกลับว่าแล้วคุณบริหารยังไง เราไม่ได้แตะเรื่องบริหารตั้งแต่แรก เราให้เกียรติเขาเพราะว่าเขา คือ เจ้าของร้านตั้งแต่แรก และถ้าเราขอเป็นและถ้าคุณไม่อยากให้เป็น เราต้องตื้อขนาดไหน แคทต้องเป็นคนแบบนั้นเหรอ เพราะว่าในเมื่อเปิ้ลเปิดอยู่แล้ว เรามาร่วมกันจะได้ขยายกิจการ เพราะคุณก็ต้องเห็นว่าเรามีผลประโยชน์เลยให้เราร่วมหุ้น และ จะมาโทษโควิดก็ไม่ได้ เพราะเรื่องมันเกิดก่อนที่โควิดจะระบาดรอบแรก คุณบอกว่าคุณขาดทุนตั้งแต่ก่อนโควิดอยู่แล้ว สรุปแล้วมันบกพร่องตรงไหนล่ะ”
 
เราไม่ได้หวังว่าจะได้เงิน 4 ล้านคืน แต่เราแค่ต้องการความชัดเจน และถ้าได้เงินคืนมาบ้าง มันก็ดี แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเงียบ ขอความชัดเจนเถอะ และ ถามว่าหลักฐานบางอย่างในส่วนของแคทมีไหม มันมีค่ะ เพราะบางคนจะเข้าใจข่าวแค่ว่าขาดทุน เขาก็บอกไปแล้วไงว่าขาดทุน แต่เราแค่ต้องการทราบว่าขาดทุนเพราะอะไร มันไม่ใช่ว่าไม่มีลูกค้า มันมีคนซื้อเมมเบอร์ก็มี แต่เราอยากรู้ว่าขาดทุนเพราะอะไร และลูกน้องบางคนที่อยู่ที่ร้านก็บอกว่าพี่เปิ้ลรับพนักงานใหม่เข้ามา เงินเดือนเยอะมากเลย อ้าว…ทำไมไม่ปรึกษาแคท ทั้งๆ ที่เราก็ถือหุ้นครึ่งนึง เงินเดือนทำไมถึงยอมให้คนนี้ทั้งๆ ที่ฝีมือไม่เหมาะสมกับเงินที่ให้ไป และนี่ก็ไม่ได้ด่าคุณนะ แต่ฉันแค่งงไง ว่าทำไมฉันต้องขอโทษคุณ คุณต้องมาขอโทษฉันที่คุณเอาเงินฉันไปเผาทิ้ง”
 
“ตอนนี้ไม่ได้อยากฟ้องร้องอะไรกันเกิดขึ้น ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้ อยากให้เคลียร์ อยากให้ส่งเอกสารมา และ มันมีเอกสารบางตัวที่ขอไปนานมาก แต่ก็ยังไม่ได้ไง หรือเพราะมันไม่มี เลยยังไม่เอามาให้ หรือ เราจะได้ช่วยหา เพราะถ้าบอกว่าฉันไปประชุมแค่ 2 ครั้ง ฉันไม่ชอบมาประชุม ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันต้องทำงาน และ ประชุมก็ คือ ประชุมกันแค่ 2 คน ก็โทรคุยก็ได้นะ และบอกว่าเซ้งร้านไป 4 แสนกว่าบอกว่าเราไปใช้หนี้ แล้วหนี้นั้นมันเกิดมาจากไหน ถ้ามาจากเพราะการบริหาร คุณบอกว่าคุณอยากบริหาร เราก็ให้คุณบริหารคนเดียว เขาบอกว่าพี่แคทไม่มีเวลาบริหารหรอก อันนี้คือคำพูดของเขาเอง เขาบอกว่าเปิ้ลบริหาร พี่แคททำหน้าที่โปรโมทไปนะคะ”
 
“และในหลักความเป็นจริง ร้านเล็บมันก็มีลูกค้าเข้านะ มีลูกค้าเข้าทุกวัน มันไม่ใช่ป่าช้า ถ้ามีวิธีบริหารได้ อันนี้ไม่ได้ต่อว่าเขานะ เราก็ใจ เราก็ไว้ใจเขา และถ้าเราเรียนมาด้านนี้ เราก็อาจจะช่วยเขาได้ แต่เขาก็ไมได้ปรึกษาเรา ก็มีปรึกษาบ้าง แต่ระยะหลังๆ ไม่มีเลย ขนาดจ้างคนใหม่ๆ เข้ามาเรายังไม่รู้เลย และพอมารู้ว่าจ้างเงินเดือนเท่าไร เราถึงกับอ้าปากค้าง แคทว่าค่าจ้างแพงเกินเหตุ”
 
“เราหาเงินเองมาตั้งแต่เด็ก เราเป็นคนที่รู้คุณค่าของเงินที่เราหามาได้ เราจะซื้ออะไรเราต้องดูว่ามันจำเป็นแค่ไหน ตอนนี้ เราเปิดร้านสักคิ้ว ทำเล็บ ต่อขนตาพอแค่นี้ เอาให้มันปังๆ คืนทุนก่อน แต่เขาก็บอกว่าเราควรทำอะไรมากกว่านี้จนเลยเถิด เราเป็นคนที่ฟังๆ แล้ว ถ้าคุณอยากทำอีก เราก็ขี้เกียจขัดแล้วเพราะเราเองก็ไม่เวลาไง ในที่สุดก็บานปลาย ระยะหลังๆ ก็ไม่บอกแคทด้วย อยู่ดีๆ ก็ไปซื้อเครื่องนวดหน้ามา เราบอกว่าจะทำๆ ไม ก็เปิ้ลมีความรู้สึกว่าเราต้องมี แคทเลยงงว่าสรุปเราทำร้านอะไร แคทพยายามจะเซฟคอร์สมากที่สุด เพราะในช่วงนั้นลูกค้าก็ไม่ได้หากันง่ายๆ และอยากซื้อตู้อบซาวน่า ก็ไปซื้อมา สรุปมีข้อบกพร่องในเครื่องนี้ว่ามันอันตราย ก็เลยต้องเอา ซื้อเงินไปเปล่า และนี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากปรึกษาแคท เพราะแคทขัดเขาตลอด เราค้านเพราะมีเหตุมีผล เซฟคอร์สทุกอย่างเพื่อให้มันมีเงินหมุนเวียนอยู่ในร้าน”
 
“ในส่วนของค่าตกแต่งร้านที่เราเป็นคนจัดหา โอเคตรงนี้แคทยอมรับผิด เราไม่รู้จักใคร มันเป็นครั้งแรกของแคท และถ้ามันเกิดจุดนี้ขึ้นมา เราควรจะช่วยเซฟเงินยังไงต่อ แต่พอแคทไม่อยู่ปุ๊บ ทุกอย่างลับหลังเราหมด ให้เราโอนตลอด รวมๆ แล้วโอนไปทั้งหมด 4 ล้าน 7 หมื่น เราไม่ได้อะไรคืนเลยแม้แต่บาทเดียว”
 
“และแม้จะมีข่าวกลับมาอีกครั้ง แต่แคทพยายามอยู่เงียบที่สุดแล้ว คือ แคทไม่ชอบอะไรที่อุ๊ย…ฉันจะต้องพูดเหรอ แคทไม่ชอบพูด แคทไม่อยากจะออกมาต่อความยาวไปมากกว่านี้ ไม่อยากจะแขวะไปมา มันไม่ใช่เรื่อง เราโตๆ กันแล้ว แต่ในเมื่อคุณออกมาโต้ฉันอย่างเดียว คุณเป็นอะไรหนักหนา อยู่เฉยๆ ได้ไหม เอาหลักฐานมาคุยกัน พอฉันดูเรียบร้อยแล้วว่าเงิน 4 ล้านของฉันหายไปไหน แต่อย่ามาพูดว่าพี่แคทต้องมาขอโทษหนูนะ มันไม่ใช่ไง เอกสารที่เขาให้มาตอนแรกคือมันงง และแม้ตอนนี้เราจะไม่ได้กรรมการแต่เราก็ยังถือหุ้น 50/50 อยู่นะ และที่เราลาออกจากการเป็นกรรมการเพราะแคทไม่ไหวแล้ว คุณบริหารแบบนี้แต่ฉันก็ยังมีสิทธิ์ในร้านนี้อยู่เพราะฉันก็ถือหุ้นอยู่ เซ้งไป 4 แสนเอง ทำไมมูลค่ามันได้แค่นี้เอง เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรในร้านนี้เลยเหรอ”
 
“ซึ่งแคทไม่เชื่อว่าที่ขาดทุนเพราะไม่มีลูกค้า เพราะตลอดมาเราก็เห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการตลอด แต่มันเป็นการบริหารที่บกพร่อง มีแต่คนงงว่าร้านทำเล็บ ลงทุน 10 ล้าน ภายในแค่ปีเดียวต้องปิด เพื่อนๆ บอกว่าแค่ 2-3 ล้านก็หรูแล้ว บริหารยังไง เอาเงินไปเผาเงินขนาดนั้น เงินมันไม่ได้หาง่ายๆ นะ”
 
“ตอนนี้แคทอยากให้ทุกอย่างมันจบ แต่ถ้าเขาอยากมาคุยกันต่อหน้าสื่อก็ได้ แต่ตอนนี้ขอเอกสารทั้งหมดก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน และแถลงทีเดียว ไม่อยากจะเถียงไปมา ขอร้องอย่ามาปาขี้ใส่ เราก็ให้เกียตริเขานะ เราก็บอกว่าขอดูเอกสารก่อน แคทไม่ได้ทวงเงิน 4 ล้านแต่แค่ถามว่าเงิน 4 ล้านมันหายไปไหน และหลังจากที่เราออกมาจากการเป็นกรรมการแล้ว เรื่องขาดทุนหรืออะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับเรา และถ้าเขาบอกว่ามันคาบเกี่ยวกับตอนที่เรายังไม่ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการ คือ เราจ่ายเงินในส่วนที่เราต้องจ่ายหมดแล้ว ถ้าหลังจากที่เราและขาดทุนไม่เกี่ยวกับเราแล้ว ย้ำเราจ่ายครบหมดแล้ว และการที่เขาลงทุนไปอีก 2 ล้านหลังจากที่เราออกมาจากกรรมการ และเราเป็นหุ้นส่วนแล้ว เราไม่เกี่ยวกันแล้ว หุ้นส่วนไม่ต้องจำเป็นในการที่ต้องมาจ่ายค่ายโน้นค่านี่ในร้าน มันเป็นหน้าที่ของกรรมการ เพราะบริษัทใหญ่ๆ เขาจะมาทวงค่าใช้จ่ายจากหุ้นส่วนเหรอ และวันที่เราจะลาออกจากการเป็นกรรมการ เราบอกว่าพี่ทำไม่ไหวแล้วนะ พี่พอแล้ว เราขอหยุดแล้ว และอะไรที่ต่อไปเราไม่เกี่ยวแล้ว คุณต้องบริหารของคุณเอง คุณเผาเงินไปแค่ปีกว่ากับร้านทำเล็บ”

“เมเปิ้ล พัชชุดาญ์ ” ย้ำไม่เคยโกงใคร ชี้แจงอีกครั้งถึง “แคทรียา อิงลิช”