เรื่องจริงที่ยิ้มไม่ออก “เต๋อ ฉันวิชช์” เกือบทิ้งวงการ โดนตีตราแสดงยอดแย่ รับตรงๆ คลั่งรัก “ใหม่”

เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่เป็นสัญลักษณ์เรื่องความอารมณ์ดี ขี้เล่น สำหรับพระเอกหนุ่มมากความสามารถ เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ที่โด่งดังจากการสวมบทบาททั้งในภาพยนตร์และละครมากมายหลายเรื่องเป็นขวัญใจของแฟนๆ ทุกเพศ ทุกวัย และล่าสุดหนุ่มเต๋อกลับมาสร้างรอยยิ้ม เสียงฮา อีกครั้งในละครคอมมาดี้สอดแทรกแง่คิดดีๆ อย่างเรื่อง Help me คุณผีช่วยด้วย เพิ่งออนแอร์สดๆ ร้อนๆ ทางช่อง 3 และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนละคร

งานนี้ เลยขอคว้าตัวหนุ่มเต๋อ พระเอกยิ้มเก่งคนนี้มานั่งพูดคุยกันถึงละครเรื่องล่าสุด เปิดชีวิตในวงการบันเทิงที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับรางวัล “การแสดงยอดแย่” จนถอดใจเกือบหันหลังให้วงการมาแล้ว พร้อมกับเรื่องที่ไม่อัปเดตไม่ได้อย่างความรักกับนางเอกสาว ซูเปอร์สตาร์ ใหม่ ดาวิกา ว่าตอนนี้เป็นยังไงกันบ้าง 

เป็นยังไงบ้างกับเรื่อง Help me คุณผีช่วยด้วย เรื่องนี้แค่ชื่อก็สนุกแล้ว?

“เรื่องนี้เล่นเป็นผีครับ ฟีลจะออกคอมมาดี้นำเป็นหลัก แต่จริงๆ ความคอมมาดี้กับความดราม่าสัดส่วนในเรื่องเท่าๆ กันเลย เพราะเป็นเรื่องที่ว่าด้วยความตาย การสูญเสีย เป็นเรื่องของชีวิต แต่เราพยายามสื่อสารออกมาให้ตลก ไม่เครียด แต่สิ่งที่สื่อสารมันคือสาระแน่นๆ เหมือนกัน”

“ผมรับบทเป็น “อานนท์” เป็นสตั้นแมน เขากำลังจะมีชีวิตที่ดี เพราะปกติชีวิตเขาก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่เป็นสตั้นแมนฐานะยากจน มีภรรยา มีลูกที่กำลังจะคลอด ในวันที่เขากำลังสร้างเนื้อสร้างตัว กำลังจะมีงาน มีรายได้ดูแลครอบครัวได้ เขาดันมาเสียชีวิต แต่ขณะที่กำลังจะเสียชีวิตสติสัมปชัญญะ จิตใต้สำนึกของเขามันยังไม่พร้อม เพราะห่วงภรรยาและลูก ทำให้วิญญาณไปสู่สุคติไม่ได้ ยังวนเวียนอยู่บนโลก แล้วได้รับรู้ความจริงว่าเขายังไม่ถึงที่ตาย เป็นความผิดพลาด ทำให้เขายังยึดติดทุกอย่าง ปล่อยวางไม่ได้ ต้องหาคนมาช่วยเขา ซึ่งคนเดียวที่เห็นเขาได้ คือ เดียร์น่า เลยต้องไปพัวพันกับชีวิตเขาครับ”

เต๋อ จาก help me คุณผีช่วยด้วย

เรื่องนี้ต้องเจอทั้ง เดียร์น่า และ ปราง กัญญ์ณรัณ ร่วมงานกันเป็นยังไงบ้าง?

“กับ เดียร์น่า เคยเจอกันในเอ็มวี เมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไหร่ พอมาเจอครั้งนี้ถึงรู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าเขาเป็นคนเรียบร้อยมันไม่ใช่ เขาเป็นคนโก๊ะกังมาก งงๆ ต๊องๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องนับถือเลย คือ ความตั้งใจทำงาน เขาตั้งใจมากจริงๆ เขาทำการบ้านมาทุกวันเป๊ะมาก ในเรื่องจะมีฉากที่ผมไปสิงร่างเขา ดังนั้นภาระจะไปตกที่เขาละ สิ่งที่เขาทำคือ เขาขอร้องให้ผมเล่นฉากนั้นให้เขาดูหน่อย เขาก็ถ่ายไปเอาไปดู เอาไปซ้อม ละเอียดไปถึงการใช้เสียง การเว้นคำ เขาเป็นนักแสดงที่ตั้งใจทำงานมากถึงจะมีความโก๊ะกังไปบ้างก็ตาม (หัวเราะ)”

“ส่วน ปราง เขารับบทเป็นภรรยาผม ปราง เป็นคนที่ โอ้โห! เล่นเก่งมาก บอกเลยว่าสุดจริง อินเนอร์แรงน้ำตาไหลแหมะๆ เขาเป็นนักแสดงในฝันที่ผมอยากร่วมงานด้วย ได้เล่นกับเขาเหมือนทำให้เราเล่นง่ายขึ้นด้วยเพราะอารมณ์เขาทำให้เราอิน เขาเต็มที่มากๆ ทุกเทค ทุกคัท รับหน้า ไม่รับหน้า เขาเต็มตลอด เก่งมากๆ ครับ”

เรื่องนี้น่าสนใจตรงไหนบ้าง?

“เป็นละครที่ครบรสครับ ที่น่าสนใจมาก คือ เป็นละครที่พูดถึงเรื่องความตาย การสูญเสีย ที่โดยชีวิตปกติคนในบ้านไม่ค่อยพูดกันเพราะพูดแล้วอาจจะมองว่าเป็นลางไม่ดีหรือเปล่า แต่ว่าจริงๆ แล้วเป็นเรื่องใกล้ตัวและสำคัญมากนะครับ เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น สำหรับคนรอบข้างการเตรียมตัวเตรียมใจเป็นสิ่งสำคัญมาก และการปล่อยวางเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมี ผมเชื่อว่า 99 เปอร์เซ็นต์ของคนบนโลกนี้ก็ยังปล่อยวางไม่ได้ สำหรับละครเรื่องนี้อาจจะทำให้เราตระหนักถึงความปล่อยวางเพิ่มขึ้น”

“เราจะได้เห็นว่าชีวิตเราที่เป็นอยู่คืออะไร สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคืออะไร ความสุขในชีวิตเกิดจากอะไร อย่างน้อยอาจจะทำให้ได้คำตอบของคำถามเหล่านี้ ซึ่งคำตอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ผมรู้สึกว่าถ้าดูกันเป็นครอบครัวจะดีมากเลยครับ”

เต๋อ ในละคร help me คุณผีช่วยด้วย

นอกจากเรื่องนี้ยังมีงานอื่นๆ ให้ติดตามกันด้วย?

“มีภาพยนตร์ที่ผมเป็นเบื้องหลัง คือเรื่อง “ร่างทรง” ที่ผมเป็นหนึ่งในทีมเขียนบทครับ หลังจากไปฉายมาในหลายประเทศ สุดท้ายกำลังจะได้ฉายที่เมืองไทยแล้ว ผมก็อยากให้ทุกคนไปชมกันในโรงภาพยนตร์ ในวันที่ 28 ต.ค. นี้ก็จะเข้าฉายแล้ว”

“ผมพูดได้เต็มปากว่าเป็นเรื่องของไทยจริงๆ เป็นความเชื่อของคนไทย ทีมเราทุกคนตั้งใจทำงานกันมาก ตั้งแต่การหาข้อมูลที่ต้องเดินทางไปจังหวัดต่างๆ ต้องไปเจอกับร่างทรงจริงๆ โอ้โห เยอะแยะมาก ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากต่างชาติ ผมว่าเป็นความภูมิใจมากๆ นะ เพราะอย่างที่บอกเรื่องนี้ไทยจริงๆ และคนไทยกำลังจะได้ชมกันแล้ว จะให้ดีก็คือ ชมภาพยนตร์เสร็จก็เปิดดู Help me คุณผีช่วยด้วย ต่อเลย เป็นผีสองสไตล์ครับ (หัวเราะ)”

เรามีงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังอยากต่อยอดไปทางไหนเพิ่มเติมไหม?

“ไม่รู้จะต่อไปทางไหนแล้ว แต่ก็คงต่อไปเรื่อยๆ (หัวเราะ) มีงานอะไรที่น่าสนใจ หรือ บทไหนน่าสนใจก็อยากเล่นครับ ในอนาคตถ้ามีโอกาสได้เป็นผู้กำกับก็อยากทำ เพราะผมเขียนบทมาหลายเรื่องแล้ว ตอนนี้เก็บประสบการณ์อยู่ ไม่มีใครแก่เกินเรียน อยากเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้รีบครับ จริงๆ ตอนนี้ก็ต้องบอกว่าสนุกกับการเขียนบทอยู่ด้วย”

หน้าจอเราเป็นหนุ่มสนุกสนาน ขี้เล่น ตัวจริงมีมุมเครียดเรื่องไหนบ้างหรือเปล่า?

“มีเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ ก็มีทั้งมุมเครียด สนุกสนาน มุมเสียใจ ดีใจ เป็นปกติธรรมชาติมนุษย์ทั่วไป ลึกๆ ผมเป็นคนคิดมาก ขี้นอยด์ เครียดง่าย แต่คนไม่ค่อยรู้หรอก คนก็จะคิดว่าเราเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไร สนุกสนาน แต่เวลาออกไปเจอใครผมก็ทำตัวสนุกสนาน พยายามไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีไปด้วย แม้ว่าตอนนั้นเราจะเครียดอยู่ก็ตาม

“ถามว่าส่วนมากเครียดเรื่องอะไร สำหรับผมทุกเรื่องเลย (หัวเราะ) ผมว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ตลก โลกภายนอกที่เขาเจอคน เขาหัวเราะสนุกสนาน แต่ภายในเขาจะเป็นคนคิดมาก เครียด เพราะเขาใช้พลังบวกๆ กับคนอื่นไปแล้ว แล้วก็หลายๆ ครั้งที่เวลาเขาเครียด มีคนมาเจอเขาแล้วรู้สึกว่า ทำไมไม่เห็นเป็นเหมือนในจอเลย ไม่ตลกเลย ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ลึกๆ แล้วทุกคนมีความเครียดกันหมดล่ะครับ แต่คนตลกจะหนักหน่อย เพราะเวลาเฮฮาเขาก็จะสุด เวลาดิ่งก็จะดิ่งสุดด้วย”

เราเคยเจอกับตัวไหม ในวันที่เครียดแต่คนก็คาดหวังให้ตลก?

“มี บางวันเรามีปัญหาส่วนตัว ณ เวลานั้น เช่น ทะเลาะกับแม่มาแรงๆ เลย แต่ต้องไปออกงาน เวลานั้นก็ต้องพยายามลืมปัญหาของตัวเองให้ได้ ก็ทำเฮฮาปารตี้ไปทั้งๆ ที่ใจก็ยิ้มไม่ออกหรอก เป็นมุมนึงที่ไม่ค่อยมีใครรู้ การจัดการความรู้สึกแบบนั้นแรกๆ ก็ทำไม่ได้หรอก เละเทะ ไปหมดเลย ไปถ่ายละคร ไปทำงานก็ทำไม่ได้ แต่หลังจากนั้นจะเริ่มรู้แล้วว่าเราต้องฝึกสติ สมาธิ โฟกัสกับสิ่งที่ทำในปัจจุบันก่อน เรื่องเครียดเอาไว้อยู่คนเดียวค่อยคิดก็ได้”

ด้วยการอยู่ในวงการต้องมีคำวิพากษ์วิจารณ์ เคยมีครั้งไหนทำให้ถอดใจอยากหันหลังออกจากวงการบ้างไหม?

“มีๆ หนักเลยครั้งนึง ผมเคยเล่นหนังแล้วได้ รางวัลการแสดงยอดแย่ ชื่อ “รางวัลทุเรียนเน่า” แล้วตอนนั้นโฟกัสผมยังไม่ค่อยดี นั่งอ่านคอมเมนต์บ้างอะไรบ้าง ก็แบบ โอ้โห! แล้วมีประกาศออกมาว่ารางวัลทุเรียนเน่าเป็นเราด้วยนะ ตอนนั้นเราเจื่อนมาก พอไปออกงานก็โดนสัมภาษณ์เรื่องนี้ด้วย เราก็ต้องตอบมันไปเรื่อยๆ จนพอกลับมาถึงบ้าน ผมรู้สึกเลยว่า โห! เราดาวน์มากเลย อาชีพเรา คือ นักแสดง แล้วมันมีรางวัลที่การันตีว่าคุณเป็นนักแสดงที่แย่ นั่นหมายความว่าสิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้ไม่ดีนะ แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่เราทำอยู่ตอนนั้นไง (หัวเราะ)”

ตอนนั้นตัดสินใจกับตัวเองว่าจะไม่เป็นนักแสดงต่อ คิดแบบนั้นจริงๆ คิดว่าจะเขียนบทอย่างเดียว อย่างน้อยก็ไม่มีใครมาตัดสินเรา แต่คนที่ดึงผมกลับมาได้จริงๆ คือ พี่โต้ง บรรจง พี่เขาเป็นผู้กำกับ ตอนนั้นผมเขียนบทกับเขาอยู่ เขาพูดกับผมเป็นประโยคที่ผมจำได้เลย เขาบอกว่า ถ้าสมมติหลังจากวันนี้ไปอีก 10 ปี อยู่ๆ คนได้ยินชื่อ เต๋อ ฉันทวิชช์ โผล่ขึ้นมา ในวันที่ผมเลิกแสดงแล้ว เขาก็จะไปเสิร์ชดู ก็จะเห็นว่าเป็นคนที่เคยได้รับรางวัลทุเรียนเน่าแล้วเลิกเล่นไปเลย สิ่งนี้ก็จะอยู่กับมึงตลอด มึงไม่คิดที่จะแก้มันให้เป็นสิ่งที่ดีขึ้นเหรอวะ

เต๋อ ฉันทวิชช์

“พอฟังพี่เขาเรากลับรู้สึกว่า เออว่ะ! แล้วหลังจากวันนั้นมีไฟขึ้นมาเลย เราต้องทำให้ได้ ที่ผ่านมาเราตั้งใจไม่พอ เราขี้เกียจ เราประมาทกับมันมากในเรื่องการแสดง เราอ่านบทไปแค่จำบทได้แล้วก็ไปเล่น มันไม่ใช่ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ผมเลยไปเรียนการแสดงเหมือนคนที่ไม่เคยแสดงมาก่อน จนสุดท้ายได้ออกมาเป็นเรื่อง “กวนมึนโฮ” ตอนนั้น เราก็เห็นการพัฒนาของตัวเอง และได้รู้สึกถึงความรู้สึกตอนแสดงที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่ผมได้พูดว่าผมเก่งนะ แต่มันไปปลดล็อกอะไรบางอย่างของชีวิตนักแสดงของเรา ผมไม่ได้เก่งหรอก แต่อย่างน้อยก็เข้าใจมันมากขึ้น และภูมิใจมากที่ไม่ล้มเลิกมันไปตั้งแต่ตอนนั้น

“จริงๆ ผมขอบคุณรางวัลนั้นนักแสดงยอดแน่นั่นมากเลยนะ ถ้าผมไม่ได้รางวัลนั้น ผมไม่มีทางมีไฟที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาเลย อาจจะล้มเหลวไปมากกว่านี้ก็ได้”

มาถึงตรงนี้ไม่อัปเดตความรักคงไม่ได้ ความรักกับน้อง “ใหม่ ดาวิกา” ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เห็นหวานออกสื่อหนักมาก?

“ก็ไม่นะ (ยิ้ม) นิดหน่อย ความรักช่วงนี้ดีมากครับ เราเรียนรู้กันไปในแต่ละวัน ตอนนี้เรียนรู้กันมา 4 ปี พอบอกว่า 4 ปี เหมือนว่านาน แต่ในความรู้สึกผมเหมือนปีแรกอยู่เลย (หัวเราะ) ทุกอย่างยังไปเรื่อยๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป สนุกที่ได้ใช้เวลาอยู่กับเขา สนุกที่ได้ไปเที่ยว ไปถ่ายรูปด้วยกัน ทุกวันนี้อยู่กับเขามีแต่ความสุขและความสนุกมากๆ”

ยอมรับตำแหน่ง “คนคลั่งรัก” ไหม?

“ก็ ก็ได้ๆ ก็ไม่รู้จะเถียงยังไง (หัวเราะเขิน)  จะเรียกแบบนั้นก็ได้ ผมชอบอยู่กับเขาครับ”

คุยเรื่องอนาคตกันบ้างหรือเปล่า?

“ไม่ได้คุยจริงจังครับ แต่พูดเล่นๆ กันมากกว่า เล่นๆ มากๆ เลย แบบอนาคตถ้าแบบนั้นแบบนี้เนอะ อะไรทำนองนั้น ออกแนวตลกๆ แต่โฟกัสของเราปัจจุบัน คือ พยายามทำทุกวันให้มีความสุขไปแบบนี้แหละ ค่อยๆ เรียนรู้ ถ้าในอนาคตมันถึงเวลาเมื่อไหร่ก็คือตอนนั้นเลย ณ ปัจจุบันยังไม่ได้มีแพลนอะไร”

เต๋อ-ใหม่

ถ้าถามถึงความมั่นคงของตัวเอง ตอนนี้รู้สึกมั่นคงพอจะสร้างครอบครัวของตัวเองหรือยัง?

“ถ้าตัวผม ก็มั่นคงนะ แต่ด้วยความที่เรายังไม่ได้รีบ น้องเองยังมีเส้นทางในอาชีพการแสดงอีกไกลมาก ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะเลยครับ”

เรียกว่ารักเราไม่เก่าเลยเหรอ?

“เข้าเพลงเหรอ (หัวเราะ) ไม่เก่าๆ รักไม่เก่าแต่เพลงเก่านะ ตอนนี้แฮปปี้ทุกอย่างครับ พร้อมเมื่อไหร่เดี๋ยวไลน์ไปบอก”

สุดท้ายฝากถึงแฟนๆ หน่อย?

“ขอบคุณทุกคนที่ติดตามผลงานของผมและน้องใหม่มาตลอดนะครับ ก็เรียกว่าเหนียวแน่นกันมากๆ ตอนนี้ก็มีละครให้ชมกันเรื่อง Help me คุณผีช่วยด้วย ทางช่อง 3 เป็นละครที่มีทั้งเสียงหัวเราะและสาระที่แฝงอยู่นำไปปรับใช้ชีวิตได้ด้วย และภาพยนตร์เรื่อง ร่างทรง อันนี้ต้องฝากไว้ด้วย การเป็นภาพยนตร์มันถูกออกแบบมาให้ฉายในโรงภาพยนตร์ ตอนนี้ก็มีมาตรการ เว้นระยะห่าง สวมแมสก์ การป้องกันที่ค่อนข้างดี ก็อยากให้ลองไปชมกัน เป็นผลงานของคนไทยที่ตระเวนฉายต่างประเทศเยอะมาก ตอนนี้กลับมาที่ไทยแล้ว ฝากไว้ด้วยครับ”

ต้องบอกว่าเป็นหนุ่มที่ชีวิตครบทุกรสจริงๆ ทั้งดราม่า อารมณ์ดี และมุมหวานๆ มากไปกว่านั้น คือ ฝีมือที่นับวันยิ่งพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เชื่อว่าอีกไม่นานแฟนๆ คงได้เห็นสิ่งใหม่ๆ จากหนุ่มเต๋อออกมาเรื่อยๆ ส่วนตอนนี้อย่าลืมติดตามละคร Help me คุณผีช่วยด้วย  และภาพพยนตร์ ร่างทรง รับรองว่าเด็ดสมความเป็นเต๋อแน่นอน