“เจี๊ยบ เชิญยิ้ม” ควงภรรยา เปิดใจครั้งแรกหลังไฟไหม้บ้านสวน เผยวิกฤตจ่อปิดร้านก๋วยเตี๋ยว

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม ขอควงศรีภรรยา แหม่ม เบญจมาศ มาเปิดใจครั้งแรกหลังไฟไหม้บ้านสวนวอดไปทั้งหลัง เผยวิกฤตโควิดทำขาดทุนหนักมาก ในรายการคุยแซ่บ SHOW ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, อาจารย์เป็นหนึ่ง และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

มีข่าวว่าไฟไหม้บ้าน

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม : “ถ้าใช้ไฟไหม้บ้านจะดูรุนแรงไป ขอเรียกว่าไหม้กระท่อมซึ่งเป็นบ้านน็อคดาวน์ ที่อยู่ในบริเวณของบ้าน ต้องบอกก่อนว่า ความผิดปกติมันเกิดขึ้นนานแล้ว ตั้งแต่ช่วงฝนตกที่ผ่านมา พอฝนตกไฟจะดับทุกครั้ง ซึ่งผมก็เรียกช่างมาดู เพราะกระท่อมหลังนี้เป็นกระท่อมหลังแรกซึ่งการเดินสายไฟมันก็ไม่ได้ มาตราฐาน คือมันอาจจะมีสายเปลือยซึ่งทำให้เกิดไฟช็อต ก่อนหน้านี้มันมีเตือนมาแล้ว เราเรียกช่างมาดูแต่ยังไม่ได้ทำใหม่
แหม่ม : เป็นโซนที่สามของบ้าน มีตู้คอนเทนเนอร์ มีเรือนกระจก และมีกระท่อมน็อคดาวน์ติดแอร์ ที่เป็นครัวด้วย บริเวณนี้คือบริเวณที่ไหม้  สาเหตุไฟไหม้น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร”

ไฟไหม้ตอนตี 5 เรารู้ได้อย่างไร 

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม : “วันนั้นผมดูบอลยูโรจบตอนตี 3 แล้วเข้านอน ประมาณ 6 โมงเช้า มีเสียงเคาะประตูดังมาก คิดว่าการเคาะแบบนี้ไม่ใช่เรียกธรรมดามันต้องมีเหตุ  แต่ไม่คิดว่าไฟจะไหม้ พอเปิดประตูออกมาตกใจมากเพราะไฟมันลามเร็วมาก แค่ 10 นาทีก็ลามไปทั้งหลัง พอเห็นไฟไหม้สิ่งแรกที่ทำคือเรียกเมีย”

แหม่ม : “คือพี่เจี๊ยบเขาทำอะไรไม่ถูก แหม่มก็โทรเรียกรถดับเพลิง และก็มีหลานโทรเรียกดับเพลิงด้วย ส่วนพี่เจี๊ยบก็ดึงสายยางเปิดก๊อกจะเอาน้ำมาราดแต่น้ำมันเบามาก เราก็เรียกให้เขาออกมาเพราะในกระท่อมมีถังแก๊ส ตอนแรกไม่ตื่นเต้น แต่พอถังแก๊ซระเบิดไฟมันฟู่ขึ้นมาแหม่มตื่นเต้นมาก ก็ต้องขอบคุณดับเพลิงที่มาช่วยวันนั้น คือเราโทรตามตอน 6 โมงไม่ถึง 10 นาทีเขาก็มา แล้วก็ทำงานเร็วมาก”

ความเสียหาย

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม : “คือตอนแรกเราคิดว่าแค่กระท่อมไม่มีอะไร ปรากฎว่า มีทั้งลำโพง มีจอ มีเครื่องฉายโปรเทคเตอร์ คือเราไปดูบอลที่โน่นทุกวัน”

แหม่ม : “แหม่มตีราคาไว้ประมาณ 3 แสนกว่าบาท เพราะมันมีแมคบุ๊คด้วย ตู้เย็น 2 เครื่อง ไมโครเวฟ เครื่องครัว รวมถึงโทรศัพท์ด้วย”

ได้รับบทเรียนอะไรบ้าง

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม : “คงเป็นเรื่องไฟ เราคงไม่ไว้ใจบ้านที่เป็นไม้ไผ่กับใบจากอีกแล้ว สิ่งปลูกสร้างของเราควรจะแข็งแรง เรื่องระบบไฟสำคัญ อีกสาเหตุหนึ่งที่ไฟไหม้น่าจะเป็นตลับสวิส และฟิวส์ ถ้ามันอยู่ในที่อับๆ เราควรจะไขดูบ่อยๆ  โดนทองแดงมันจะทำให้เกิดประกายไฟขึ้นมา แล้วสายไฟเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เราก็คิดว่าที่ไฟไหม้น่าจะเกิดเพราะเหตุนี้ด้วย เพราะเราเคยไปเปิดสวิตซ์ไฟแล้วมีมดวิ่งออกมาเต็มเลย”

ได้ยินว่าก่อนหน้านี้คิดจะรื้อกระท่อม เพราะอะไร

  • “แหม่ม” ภรรยา “เจี๊ยบ เชิญยิ้ม” เผยภาพไฟไหม้บ้านสวนวอดทั้งหลัง กำลังใจดีไม่เป็นไรเริ่มใหม่

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม : “ใช่ คือต้องบอกก่อนว่าเราอยากจะเปลี่ยนร้านจากสาขาแรกที่อยู่ในปั๊มมันเริ่มไม่สะดวก เราก็คิดจะเอาร้านก๋วยเตี๋ยวมาเปิดที่บ้าน เพราะบ้านเรามีเนื้อที่ 2 ไร่ ก็เลยคิดจะเอากระท่อมออกแล้วเอาร้านก๋วยเตี๋ยวมาลง”  

แหม่ม : “คือตอนแรกแหม่มรู้สึกว่าเราเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวมานาน แล้วช่วงโควิดมันก็ขายไม่ค่อยได้ บวกกับค่าเช่ามันแพง เพราะเขาไม่ลดค่าเช่า คือถ้าเดือนไหนเราจ่ายค่าเช่าตรงวันเขาก็จะลดให้เรา 2,000 บาท แต่ถ้าเดือนไหนเราจ่ายเลทเราก็ต้องจ่ายค่าเช่าเต็ม ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ควักเนื้อตัวเองมานานแล้ว ก็เลยคิดว่าจะย้ายร้านมาที่บ้านสวน ก็ปรึกษากัน”

ที่ผ่านมาร้านก๋วยเตี๋ยวช่วงดีๆ ได้เท่าไหร่

แหม่ม : “ร้านเราเป็นร้านเล็กๆ มีแค่ 8 โต๊ะ เดือนหนึ่งเราได้ 4 แสนกว่าบาท แต่พอโควิดมาเหลือเดือนละแสนกว่าบาท  ซึ่งมันแย่มากเพราะค่าเช่าก็ 3 หมื่นหก ค่าจ้างเด็ก 3 คน คนละหมื่น ไหนจะค่าวัตถุดิบอีกแค่นี้ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวของแหม่มมีสาขาเดียว อีก 2 สาขาที่เป็นแฟรนไชส์ ซึ่งเขาก็โชคดีที่พื้นที่ที่เขาเช่าอยู่ลดให้เขา 50 เปอร์เซ็นต์ ก็มีปั้มปตท. และปั๊ม พีที คือเขาลดให้โดยที่เจ้าของร้านไม่ต้องร้องขอเลย เพราะเขาต้องการเลี้ยงให้อยู่กับเขา เป็นครอบครัวเดียวกัน”

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม : “ช่วงนี้โควิดถ้าจะเริ่มต้นอะไรอย่าเพิ่งเลยดีกว่า”

ตอนนี้ต้องควักเนื้อเท่าไหร่

แหม่ม : “ถ้าร้านก๋วยเตี๋ยวประมาณเดือนละ 3 หมื่นกว่าบาท หากรวมๆ แล้วเราก็แบกว่า 3 แสนกว่าบาทแล้ว ที่ผ่านมาแหม่มก็คุยกับเจ้าของที่แล้ว เขาก็บอกว่าของเขาไม่มีนโยบาย ซึ่งล่าสุดเขาบอกมาแล้วว่าถ้าเราไม่มีสตางค์ที่จะจ่ายค่าเช่า จะย้ายเมื่อไหร่ก็บอกได้เลย”  

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม : “ที่ผ่านมาแหม่มเขาก็ปรึกษามาตลอด ซึ่งผมเป็นคนที่ไม่ชอบคำว่าปิดกิจการ เราใช้คำว่าย้ายน่าจะเหมาะกว่า ด้วยความที่เรามีที่บ้านสวนอยู่แล้วถ้าเรามาเปิดที่นี่เราก็จะทุ่นค่าเช่าไป 4 หมื่นกว่าบาท เราจะขายเท่าไหร่ก็ได้ แล้วที่ของเราก็เหมาะสมกับการเปิดร้านมากกว่าปั๋มนั้นอีก เพราะปั๋มนั้นเราเคยมีปัญหา เราก็คิดว่าจะย้าย แต่ขอปิดป้ายบอกลูกค้าว่าเราจะย้ายร้านไปอยู่ที่บ้านสวนแล้วนะ”

ล่าสุดลูกน้องคนสนิทโกงเงินไปเกือบ 2 ล้าน

แหม่ม : “แหม่มคิดว่ามันมากกว่านั้นเพราะเขาอยู่กับแหม่มมา 14 ปี เขาเป็นลูกน้องที่สนิทและเป็นลูกน้องคนแรกของเรา และเราเป็นคนสัมภาษณ์เอง ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเขาน่ารัก เขาดูเป็นคนไม่มีอะไร ดูเป็นห่วงเป็นใยเราเทคแคร์เราทุกเรื่องแม้ว่าเราจะหงุดหงิดใส่เขาก็โอเค เราอยู่กันมาไม่มีสักคำที่แหม่มจะด่าเขา เต็มที่คือว่าคือสอน ฝึกจนเขาเก่ง พอเขาเก่งด้วยความไว้ใจเราก็บอกเขาว่าต่อไปเราจะโอนเงินเข้าบัญชีเขาตลอดเพื่อที่ว่าต่อไปเขาอยากจะซื้อรถก็โอนสเตทเม้นท์ไป แล้วก็ให้เขาจัดการเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภาษี รวมถึงให้เดินเรื่องภาษีของพี่เจี๊ยบแล้วแต่ที่พี่เจี๊ยบสั่งมา”

“ตลอดมาไม่เคยมีปัญหา แต่ที่เราจับได้คือเหมือนเขาโกงเรามาได้ 2 ปีเต็ม จับได้เพราะว่าบัญชีช่องวันเขาคุยกันว่าทำไมคุณแหม่มไม่ส่งค่าทำบัญชี  เพราะฉะนั้นอินวอยซ์จะเบิกเช็คหรือโอนเงินให้แหม่มหรือพี่เจี๊ยบไม่ได้ แล้วน้องที่เป็นต่อเขาก็โทรมาถามแหม่มว่าเกิดปัญหาอะไร ทำไมแหม่มไม่จ่ายค่าทำบัญชี เพราะค่าทำบัญชีมันเดือนละ 5,000 เอง ซึ่งแหม่มก็บอกเขาไปว่าแหม่มจ่ายตลอด แล้วแหม่มก็เอาเบอร์บริษัทบัญชีไปคุยกับเขาโดยตรง โทรไปปุ๊บเขาก็ด่าแหม่มเลยว่าเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นเมียดาราทำไมไม่จ่ายเงินโน่น นี่ นั่น ทำไมโกง ซึ่งแหม่มก็ถามเขาว่าบริษัทอยู่ตรงไหนแล้วแหม่มก็ไปหาเขาเลย แล้วก็เอาใบสลิปในโทรศัพท์เป็นระยะเวลา 2 ปีกว่าที่เขาอ้างมาไปยืนยัน แหม่มมีหลักฐานทุกอย่าง”

“คือตอนนั้นแหม่มยังเป็นห่วงลูกน้องแหม่ม แหม่มยังถามเขาว่าลูกน้องแหม่มโกงพี่หรือพี่โกงลูกน้องแหม่ม พอเคลียร์กันเสร็จปรากฎว่าเป็นลูกน้องโกงเรา วันนั้นทั้งวันก็ยังไม่ได้บอกคุณเจี๊ยบ เราก็ตัดสินใจไปโรงพัก พอกลับบ้านก็เรียกลูกน้องมาคุยซึ่งเป็นการพูดคุยต่อหน้าพี่เจี๊ยบ เราก็ถามเขาว่าทำทำไม ลูกน้องแหม่มเขาบอกว่าเขาไม่พอใช้ ซึ่งแหม่มก็บอกเขาว่าพี่ให้หนูหมื่นเจ็ด หนูกินอยู่กับพี่ หนูอยู่กับแม่และหลาน สามีก็ไม่มี ที่ผ่านมาเราไม่มีเงิน พี่ก็เอานาฬิกา เอาของที่มีไปขายเพื่อเอามาจ่ายเงินเดือนหนู ทำไมทำกับพี่แบบนี้ พี่กับพี่เจี๊ยบไม่ดีกับหนูตรงไหน เขาก็เงียบแล้วก็ร้องไห้”

ช็อกไหมคนสนิททำกับเราแบบนี้

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม : “ช็อก คือเขาอยู่กับเราตลอดเวลา ถ้าอย่างเราอยู่ที่กอง อยากให้เขาทำธุระให้โทรกริ๊งเดียวเขาก็ไปจัดการให้ เขาทำงานได้แบบไม่มีที่ตำหนิเลยนะ ตอนที่รับเขามาผมจะให้แหม่มเป็นคนตัดสินใจ ครั้งแรกที่ตั้งบริษัทเขาเป็นพนักงานคนแรก ผมว่าผู้หญิงคนนี้เงียบแปลกๆ ถามว่าตอนนั้นดังไหม เอาเป็นว่าถ้าเจอเจี๊ยบก็ต้องมีกรี๊ดกร๊าดแต่น้องคนนี้จะเงียบๆ เขาก็มานั่งทำงานเงียบ”

แหม่ม : “คือเขาเป็นคนพูดน้อย แหม่มก็ใจดีนะเวลาไปเมืองนอกแหม่มก็พาเขาไปด้วย คือเราไม่เคยเอ๊ะเลย ที่ผ่านมาแหม่มจะบอกเขาตลอดว่าหนูเป็นน้องพี่นะ เพราะแหม่มเป็นลูกคนเล็ก เราก็เห็นเขาเป็นเหมือนน้องสาว เอามาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัว ขนาดแหม่มรถคว่ำเขาก็ยังอยู่กับเรา ดูแลบริษัทแทน น้ำท่วมลำบากแค่ไหน เราก็อยู่ด้วยกัน ไปไหนไปกัน เราเห็นเขาเป็นคนในครอบครัว”

โกรธหรือเสียใจมากกว่ากัน 

แหม่ม : “แวบแรกเลยแหม่มเสียใจมาก ถามว่าโกรธไหม โกรธน้อย คือเราก็คิดว่าเราผิดตรงไหน เขาไม่พอตรงไหน เขาติดอะไร ที่เราไม่สามารถเข้าไปล่วงรู้ได้ คือแหม่มเสียใจนานมากกว่าจะเรียกคุณเจี๊ยบมาคุย ตอนแรกตั้งใจจะประจานลงเฟซบุ๊ค ตั้งใจเขียนในเฟซเลยว่าลูกน้องคนนี้ไม่ได้อยู่กับแหม่มแล้วนะ เพราะคนในเฟซบุ๊คต้องรู้จักเขาเพราะเขาเหมือนเงาเรา แต่พี่เจี๊ยบบอกว่าอย่าไปทำเขาเลย อย่าไปตัดอนาคตเขา”  

แล้วเงิน 2 ล้านได้คืนไหม

แหม่ม : “คือเขามีแฟน เขาก็ให้แฟนคนนี้ไปกู้หนี้ยืมสินแล้วเอามาคืนแหม่ม 5 แสน แหม่มก็บอกเขาว่าแล้วแหม่มจะเคลียร์สรรพากรอย่างไร เพราะเงินมันเยอะมาก แหม่มก็เลยบอกเขาว่าเธอมีรถ เธอต้องขายรถ เพราะแหม่มเชื่อว่าเขาต้องจิ๊กเงินจากร้านก๋วยเตี๋ยวเราไปซื้อรถ ดังนั้นเธอต้องเอารถของเธอไปขายแล้วเอารถมาให้พี่แหม่มอีก 7 แสน ที่เหลือที่จับได้พี่แหม่มไม่เอา แหม่มขอแค่ค่าสรรพากรก็พอแล้ว แล้วนี่ก็เงียบไป แหม่มก็เลยไปแจ้งความ แล้วแม่เขาก็โทรมาคุยบอกว่าไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวเขาเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ แหม่มก็บอกเขาไปว่า มันเป็นไปแล้ว แหม่มมีหลักฐานหมด ใช่ว่าแหม่มจะใส่ร้าย คนที่กำลังแย่ เพราะตอนนี้พี่เจี๊ยบก็ไม่มีงาน ทำไมเธอต้องมาทำแบบนี้”

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการคุยแซ่บ Show  ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama