อื้อหือกันไปเลย “ครูไพบูลย์” VS “เอ๋ มิรา” ปะทะเดือดกลางรายการโหนกระแส

กรณีศึก ครูไพบูลย์ แสงเดือน อดีตสามี เอ๋ มิรา ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ ล่าสุดฝ่ายครูไพบูลย์ ประกาศเตรียมฟ้องใครบางคน 20 ล้าน หลังจากที่เคยฟ้องหมิ่นประมาทเมียเก่า 1 ล้าน กระต่าย พรรณนิภา ภรรยาปัจจุบันร่วมฟ้องเอ๋ด้วยเรียกอีก 1 ล้าน ด้าน เอ๋ มิรา ก็ฟ้องอดีตสามีคดีพรากผู้เยาว์ และเรียกร้องแบ่งสินสมรส 20 ล้าน อีนุงตุงนังไปหมด 

รายการโหนกระแสวันที่  29 ต.ค. 64  หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ อ.ไพบูลย์ ที่พร้อมเคลียร์หมดเปลือก มาพร้อม ธีระพงษ์ ศรีจันทะ ทนายความ

ได้คุยกันซะที?

ไพบูลย์ : “(หัวเราะ) 3 ปีแล้ว” 

ตกลงเรื่องราวที่เกิด ที่มาที่ไปมันยังไง กับเอ๋ยังคุยอยู่มั้ย?

ไพบูลย์ : “หลังจากที่เป็นประเด็นที่เขามารับลูกไปก็ไม่ได้คุยกันเลย เพราะส่วนของเขาบล็อกเฟซบล็อกไลน์บล็อกเบอร์ เราจบมา 3 ปีแล้ว เรื่องทุกอย่างลงเอยกันด้วยดีตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว เราเคลียร์จบตั้งแต่ 3 ปี ตกลงกันด้วยดี ว่าผมเป็นคนเลี้ยงลูก  เขาจะไปเรียนและทำงาน ผมก็ส่งเสียในส่วนที่เขาเรียกร้อง” 

ขอย้อนกลับไป เอ๋ มิรา บอกว่า ณ ตอนที่เลิกกัน ครูไปนอกใจคบกับกระต่าย และไม่ได้บอกเธอ เธอพยายามถามว่าคบกันหรือเปล่า ครูบอกว่าไม่ใช่ แต่ถ้ากระต่ายไปคุยกับใคร ครูจะเสียใจร้องห่มร้องไห้ จะเป็นจะตาย มันคืออะไร?

ไพบูลย์ :  “ตรงนี้ไม่ใช่ ไม่ใช่แค่น้องกระต่ายนะ ช่วงเวลานั้นผมดูแลเด็กหลายคน”

มีเมียหลายคนเหรอหรือยังไง?

ไพบูลย์ : “หมายถึงดูแลนักเรียน เอามาปั้นทำเพลง ผมเป็นครูฝ่ายกิจกรรม เด็กๆ อยู่ในบ้านผม ไปกลับศุกร์เสาร์อาทิตย์ ในส่วนที่เขาคิดว่า ไม่เป็นความจริงซะทุกเรื่องไป แล้วหลักฐานสิ่งที่ผมทำหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ยืนยันได้ เราค่อยมาว่ากัน ในส่วนข้อมูลความจริงและอยู่ในกระบวนการยุติธรรม สำหรับผม ผมเป็นผู้ชายพูดอะไรก็ไม่ได้ พูดไปก็ผิด ไม่พูดยิ่งผิด” 

เอ๋เขาบอกว่าเขาถูกกล่าวหาว่ามีชู้ เลยต้องเลิกกับครู?

ไพบูลย์ : “ตอนนั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว เขามาขอเลิกเอง ตอนนั้นเราคลอนแคลน เขากล่าวหาผม ผมกล่าวหาเขา มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเราสองคน เป็นเรื่องในบ้านมาเลย ผมก็หึง ผมรักของผม ผมหึง ส่วนเขาพูดกับผู้ชายคนอื่น ในฐานะที่ตอนนั้นเรายังไม่ได้หย่ากัน เราจะหย่าในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นมา ด้วยการกล่าวหา แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันจบไปแล้ว ตั้งแต่ 3 ปี ต่างคนต่างลบ จบทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว”

คุณเอ๋มาออกโหนกระแส?

ไพบูลย์ : “ต้องย้อนไป 1 ส.ค. วันนั้นผมออกมาแถลงข่าวเปิดตัวครอบครัวของผมกับภรรยาใหม่ ในการยอมรับว่าเราท้องก่อนแต่งจริง เรายอมรับในส่วนนี้ แต่ไม่แน่ใจแล้ว หลังจากนั้นมาฝั่งเขาก็มีการโพสต์อะไรต่างๆ แล้วไม่แน่ใจว่าใครพาเขามาออกรายการ ก็ปะทุขึ้นมา”

ขอถามแบบลูกผู้ชาย วันที่คบเอ๋ มิรา คบกระต่ายด้วยมั้ย?

ไพบูลย์ : “ไม่ ยืนยันครับ และเราก็มีหลักฐานทุกอย่างที่เราทำงาน และคุยกับแม่เขาตลอดเวลา ทุกครั้งที่ไปงานหรือทำอะไรเราไม่ได้ไปกับเขาแค่สองคน เขาก็ไปกับแม่” 

ตอนนั้นเขาลือว่าครูเป็นสมภารกินไก่วัด?

ไพบูลย์ : “ยืนยันว่าไม่ใช่ ณ เวลานั้นเราเพิ่งรับงาน ผมตื่นเต้นมากกับการที่เราจะได้เงินมาเลี้ยงครอบครัว เขาก็รู้เพราะเขาไปงานกับผม และเขาก็บอกว่าเขาไม่สบาย หลังไปยืนไลฟ์สดกับผมบ่อยๆ เพราะตอนนั้นเราเน้นพีอาร์อย่างเดียวว่าทำยังไงก็ได้ให้น้องเขาดัง เธอก็บอกว่าไม่สบาย นอนรพ. วันที่ไปผมก็ชวนเขาทุกครั้ง” 

มาถึงกรณีครูฟ้องเอ๋ มิรา ที่มาออกโหนกระแส ฟ้องคดีอะไร?

ทนาย : “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย จริงๆ การฟ้องเราฟ้องมีโจทก์สองคน คนแรกคือครูไพบูลย์ เรียกค่าเสียหาย 1 ล้าน สองน้องกระต่าย เรียกค่าเสียหายอีก 1 ล้าน”

เอ๋โดน 2 ล้าน หมิ่นประมาทตรงไหน?

ทนาย : “ข้อเท็จจริงที่เขามายืนยันในรายการ” 

ไพบูลย์ : “วันที่ 1 ที่ผมออกมาแถลงข่าวแล้ว ผมไม่ได้พาดพิงถึงเขาเลย ผมพูดตลอดว่าเราจบกันแล้วเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนนี้ผมพูดถึงปัจจุบัน ผมมีครอบครัวใหม่ ผมยอมรับว่าผมท้องก่อนแต่งกับน้อง เราคบหากัน เป็นแฟนกันโดยที่ผู้ใหญ่ยินยอมและรู้เห็นกัน ก็เป็นครอบครัวคนอีสานบ้านๆ คุยกัน พูดคุยเรื่องการหมั้นและจดทะเบียนสมรสกันด้วย” 

เอ๋ที่มาออก ต้องการยืนยันข้อเท็จจริงว่าเธอไม่ได้มีผู้ชายคนอื่น ไม่ได้มีชู้ แต่กลายเป็นว่าทางฝั่งครูนั่นแหละมีคนอื่น วันนี้เธอพ้นข้อครหาแล้ว แต่มีการพาดพิงถึงครูกับกระต่าย เลยมีการฟ้องร้องตรงนี้?

ไพบูลย์ : “ใช่ครับ เอาตรงๆ เมื่อ 3 ปีที่แล้วไม่มีใครไปด่าไปพาดพิงเขาเลย ไม่มีเอฟซีใดๆ ไม่มีการไปปลุกระดม เราทำงานอย่างเดียว เอาตรงๆ ผมยังคุยกับเขา ตั้งแต่หย่ากัน ในวันต่อมาก็คุยและเป็นห่วง ล่าสุดก็ยังเป็นห่วงเขาถึงปีนี้ ผมยังดูแลและช่วยเหลือ ไม่เคยทอดทิ้ง เพราะเขาคือแม่ของลูกผม” 

ดูแลยังไง?

ไพบูลย์ : “ให้ตังค์ครับ เพราะเขาและหลายๆ คนไปให้สัมภาษณ์ว่าผมให้เขาแค่แสนเดียวในวันหย่า ถูกต้องครับวันหย่าผมให้แสนเดียว เพราะผมหาได้แค่นั้นจริงๆ ในวันนั้น ผมก็ไม่มีเงิน เพราะผมยื่นใบลาออกจากราชการไว้แล้ว ยื่นก่อนจะเกิดประเด็นร้อนแรงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะผมพูดว่าผมอยากออกมาทำธุรกิจ จดบริษัท มันก็จบไป จบตรงนั้นไปแล้วก็ให้ได้แค่นั้น แล้วหลังจากนั้นก็ช่วยเหลือตลอด มันเกินจากที่เขาพูดมาทั้งหมดครับ” 

หลังคุณฟ้องหมิ่นประมาท 1 ล้าน กระต่ายฟ้อง 1 ล้าน เอ๋เขาฟ้องกลับกรณีพรากผู้เยาว์ ทนายมองยังไง?

ทนาย : “เขาใช้สิทธิ์ของเขาในการแจ้งความร้องทุกข์ ล่าสุดเราได้ไปรับทราบข้อกล่าวหามาแล้วที่สภ.ศรีบุญเรือง”

แล้วคดีเป็นไปในทิศทางไหน เขาบอกครูได้เขาตอน 16 ตอนแรกมีการสู้กันว่าพ่อแม่ยินยอม พ่อแม่ตกลงให้คบหา อันนี้ถือว่าโมฆะกันไปเรื่องพรากผู้เยาว์ แต่มุมกลับแม่เขาบอกว่าไม่ได้ยกให้?

ทนาย : “ก็เป็นสิทธิ์ของแม่เขาที่จะกล่าวหา” 

เขาโพสต์ว่ามีการไกล่เกลี่ย ครูจะให้เงิน 1 แสน เป็นค่าเสียหายจ่ายค่าเลี้ยงดู ถ้าผิดสัญญา ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ นานา มาทำข้อตกลงนี้ไว้ จะสู้เขาได้มั้ย มีเรื่องละเมิดสัญญาไปแล้ว?

ทนาย : “ขอถามพี่หนุ่มกลับ ทราบเลยใช่มั้ยครับว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด เอกสารตัวนี้อีกฝ่ายเอาออกมาเปิดเผย แต่สิทธิ์ของแม่เขา จะใช้สิทธิ์เราไม่ว่ากัน แต่ข้อเท็จจริงทุกอย่างตอนนี้อยู่ในชั้นสอบสวน กระบวนการยุติธรรม เราได้ไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เมื่อเรื่องนี้อยู่กระบวกการยุติธรรม ก็ขอให้ทุกอย่างอยู่ที่กระบวนการยุติธรรมก่อน” 

มีลายเซ็น มีพยานหมดเลย จะไม่เดือดร้อนใช่มั้ย?

ทนาย : “ไม่เป็นไร ไปว่ากันในชั้นของศาลดีกว่า ผมมองว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย”

เขาบอกว่าหลังหย่าคุณให้เขาแสนนึง แล้วไม่ได้ทำตามสัญญาที่จะมอบโน่นนี่ ให้เงินโน่นนี่เลย?

ไพบูลย์ : “หลังวันหย่าก็ให้แสนนึง เพราะหาได้เท่านั้น แต่ที่เหลือก็ทยอยให้ ที่เอามาคือสเตทเมนต์คร่าวๆ ที่โอนเงินให้ นี่ล่าสุด 8 ม.ค. 64 ที่ผมให้เขาไปเปิดร้านเสริมสวย” 

มี 6 หมื่นบาท ต่อมา 2 หมื่น ใน 28 เดือน 10 ปี 20 มี 2.5 หมื่น มี 1 หมื่น ให้เขามาตลอด?

ไพบูลย์ : “ถูกต้องครับ และมีมากกว่านั้น ทั้งเงินสด และบัญชีที่ผมให้ ผมช่วยเหลือเขาตลอด แม้กระทั่งเขาไปต่างประเทศ ผมพยายามติดต่อให้เขากลับมาเพื่อเลี้ยงลูก ผมก็โอนค่าเครื่องบินกลับ มาถึงบ้านก็โอนให้อีก เพื่อให้เขาดูแลลูก  เพราะตอนนั้นผมงานเยอะจริงๆ ผมไปคอนเสิร์ตกับน้อง เพราะผมเป็นผู้จัดด้วยต้องดูแดทุกอย่าง เดือนนึงกลับบ้านไม่ถึง 2 ครั้ง  บางครั้งไม่ได้กลับเลย ผมขอร้อง ผมตามตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี ผมตามเขาตลอด อยากให้เขากลับมา” 

ตามเขาทำไม อยากให้กลับมาอยู่กับเราเหรอ?

ไพบูลย์ : “ใช่ครับ” 

แล้วกระต่ายล่ะ?

ไพบูลย์ : “ตอนนั้นผมไม่ได้มีอะไรกับกระต่ายนี่ครับ” 

แล้วเห็นบอกว่าตอนมีกระต่าย อยากให้เขากลับมาอีก จริงมั้ย?

ไพบูลย์ : “ไม่ครับ จริงๆ แล้วเราคุยกันเป็นเพื่อน เป็นพี่ ที่ปรึกษา เพราะทุกครั้งที่เขามีปัญหาเขาติดต่อผมก่อน ผมไม่สามารถติดต่อเขาได้นะครับ” 

เพราะเปิดตัวกระต่าย ทำให้เธอเสียใจ?

ไพบูลย์ : “เขาก็พูดตลอดว่าไม่เอาครูแล้ว เพราะต่างคนต่างเริ่มต้นใหม่ ช่วงแรกผมไม่ทราบว่าเขามีแฟนหรือไม่มี เอาตรงๆ ผมมาหาเขาแทบทุกเดือน ระหว่างหย่าไปแล้ว และได้ช่วยเหลือ” 

ฟ้องประจักษ์ชัย 20 ล้าน?

ทนาย : “เราไม่ยืนยันว่าฟ้องใคร แต่เราฟ้องจริง ข้อหาหมิ่นประมาท” 

เขาว่าคุณลูกชิ้น คุณฟ้องจริงมั้ย?

ไพบูลย์ : “มันฟ้องไม่ได้หรอกครับถ้าตามกฎหมาย ผมมองว่าเป็นเรื่องตลกด้วยซ้ำไป (หัวเราะ) ผมมองว่าการคิด พิจารณาของแต่ละคนมันต่างกัน ซึ่งสังคมไม่สามารถคัดกรองได้ว่าทุกคนคิดเหมือนกัน เขาอาจจะชอบผม เขาอาจจะไม่ชอบผม บางคนหน้าตาดี แต่กลับโดนคนไม่ชอบก็มี แต่บางคนหน้าตาไม่ดีเลย แต่กลับเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่รักของใครหลายคน เราไม่สามารถห้ามใครได้”

อะไรคือลูกชิ้น?

ไพบูลย์ : “ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เขาอาจดูที่หน้าตาผมหรือเปล่า อยากให้ดูว่าคล้ายที่เขาพูดมั้ย เหมือนลูกชิ้นมีหูด้วย ตอนนี้ผมคุยกับเพื่อนๆ กำลังจะทำโรงงานผลิตลูกชิ้นมีหูครับ ผมทำจริงครับ และไม่รู้ว่าต้นเหตุตรงนั้นมาจากไหน บางทีได้ดูก็หัวเราะตัวเองนะ ผมว่าอาจเกิดจากความไม่ชอบก็ได้ หาอะไรเปรียบเทียบเพื่อให้รู้ว่าไม่ต้องพูดถึงไม่ต้องเอ่ยชื่อมัน แต่เอาตัวนี้มาแทน มันเป็นสัญลักษณ์เปรียบเทียบว่าไอ้นี่หน้ากลม หน้าแบน มีหูด้วยเหมือนลูกชิ้นอะไรสักอย่างนึง เกิดเพราะความไม่ชอบ เราไม่สามารถห้ามเขาได้ มีผมโพสต์หยอกๆ เล่นๆ ว่าใครมาด่าผมลูกชิ้นมีหูระวังนะ ผมจะฟ้อง มันเป็นไปไม่ได้ จะไปฟ้องใครได้ ผมโพสต์ตลก ขบขัน มีมุก แต่หลังจากนั้นผมไม่กล้าโพสต์ตลกอีกเลยครับ”

ทนาย : “ตรงนี้คือการบูลลี่มากกว่า ถ้าด่าเฉยๆ ฟ้องไม่ได้อยู่แล้ว แต่ส่วนที่ผ่านมาเขาเงียบมาตลอดแต่โดนด่าสารพัด จนสุดท้ายเขาต้องใช้สิทธิ์เรื่องทางศาล ผมว่าดีนะ เราออกมาปกป้องชื่อเสียงตัวเอง” 

ไม่ใช่เอะอะฟ้อง ดูวุ่นวายในชีวิตเกินไปหรือเปล่า ถ้าไปจ้างคุณเป็นทนาย คุณได้ตังค์หรือเปล่า?

ทนาย : “ขอละไว้ในส่วนตรงนี้ การที่เขาใช้สิทธิ์ทางศาลผมมองว่าเป็นเรื่องดี เป็นการปกป้องตัวเขาเอง ครอบครัว น้องกระต่าย”

ถ้ามองว่าในเมื่อเราเป็นคนของประชาชน เราต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เหมือนคนลงรูปในโซเชียลก็ต้องยอมรับว่าผลที่ตามมาคืออะไร?

ทนาย : “คนของประชาชนแต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เขาจะพูดหรือด่าได้ ลูกชิ้นด่าได้ แต่ถ้าไปลงลึกละเมิดสิทธิ์เขา ไปด่าเช่นเป็นครูไม่ดี ครูเลว ส่วนสมภารกินไก่วัดเป็นคำเปรียบเปรย” 

แล้วกินมั้ย?

ไพบูลย์ : “ไม่ครับ ผมอยู่กับนักเรียน และพาเขาทำกิจกรรมมาก ถ้าผมเป็นแบบนี้ ทำไมผมไม่โดนตัดสินตั้งแต่ผมรับราชการครู ไม่ว่าจะลาออกหรืออะไรก็ไม่เกี่ยวกับตรงนี้” 

ทนาย : “เด็กผู้ชายคนนึงเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ขอพูดหยาบๆ ว่าพ่อก็ชิงตายไปก่อน น้องเขาก็ใฝ่ดี ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ ได้เรียนจนจบป.ตรี ครุศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง มหาวิทยาลับราชภัฎเลย สอบบรรจุราชการครู เรียนต่อป.โท ที่รามคำแหง ปัจจุบันทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ แต่สังคมไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้ แต่มาสนใจเรื่องที่เป็นประเด็นอยู่” 

มันเป็นธรรมดาแหละ คนในวงการก็โดนหมดแหละ มีไม่กี่คนที่หายใจยังผิด ตกลงฟ้องประจักษ์ชัยหรือเปล่า 20 ล้าน?

ทนาย : “ขออนุญาตไม่ยืนยันข้อเท็จจริงว่าฟ้องใคร ณ ตอนนี้เราได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทุนทรัพย์ 20 ล้านบาท แต่ที่เป็นประเด็นเพราะตัวผมโพสต์หน้าคำฟ้อง แต่ไม่ได้ระบุว่าฟ้องใคร

ไม่ได้ฟ้องผมนะ?

ไพบูลย์ : “ฟ้องพี่หนุ่มไม่ได้หรอกครับ ไม่รักไม่มาหรอกครับ” 

ครูประจักษ์ชัย ตอนนี้ไม่ได้ลงดีเทลว่าฟ้องใคร แต่ฟ้องคนๆ นึงไป 20 ล้าน ส่วนอ.ประจักษ์ชัยบอกเขาโดนฟ้องแน่ก็สิทธิ์ของเขา หมายถึงเขาหรือเปล่า?

ทนาย : “ตัวจำเลยอยู่อีกจังหวัดนึง ให้เขาได้รับหมายแล้วค่อยว่ากัน” 

เอ๋ มิรา อยู่ในสาย สิ่งที่เอ๋พูด อาจเป็นหลักฐานในชั้นศาล จะพูดอะไรต้องคิดด้วยนะ ต้องเตือนไว้ก่อน ครูบอกว่าไม่ได้พรากผู้เยาว์ คุณมองยังไงที่ไปฟ้องเขา?

เอ๋ : “ตอนนี้พยานหลักฐาน ตามที่หนูได้แจ้งความไปตามที่เป็นข่าว เขาจะปฏิเสธยังไงก็สิทธิ์ของเขา หนูไม่อยากไปพูดว่าเรื่องจริงหรือไม่จริง เพราะหลักฐานมันก็มีอยู่แล้วค่ะ” 

เขาโอนเงินให้คุณตลอด ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดว่าโอนให้แค่แสนเดียวตอนหย่าแล้วจบไป เขามีหลักฐานให้ดูด้วย?

เอ๋ : “อย่างที่เขาบอกว่าโอนตังค์ให้หนูตลอด แสดงว่ามันไม่ได้จบตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว 3 ปีที่ผ่านมาคุณยังติดต่อกับเรา ทำให้เราเจ็บใจอยู่ตลอด ตอนที่หนูไปต่างประเทศ ไปเกาหลีที่เขาบอกว่าโอนตังค์ให้หนู เขาโอนตังค์จริงค่ะ เขาบอกว่าหนูมาอยู่เกาหลีแล้ว เขาบอกว่ากลับมาหาพี่ได้มั้ย ตอนนั้นเขาทะเลาะกับกระต่าย เขาโอนตังค์ให้หนู เพราะหนูบอกว่าหนูมีหนี้ที่ต้องใช้ให้ยาย 6 หมื่น เขาเลยโอนให้หนู 8 หมื่นรวมค่าเครื่องบินด้วยและใช้หนี้ให้ยาย เขาบอกว่าถ้ากลับมาจะเอาหนูคืน จะกลับมาเป็นครอบครัว หนูก็เลยตัดสินใจกลับมา พอกลับมาแล้วก็เป็นเหมือนเดิม เขาก็ยังอยู่กับเด็กคนนี้ และปล่อยปละละเลยหนูเหมือนเดิม หนูก็รู้สึกว่าทำไมต้องทำร้ายหนูซ้ำๆ หนูอุตส่าห์กลับมาจากต่างประเทศ ถ้าไม่กลับมาหนูอาจมีทุกอย่างแล้วก็ได้ หนูหลงเชื่อคำพูดของเขา” 

เอ๋กลับมาหาเขาเหรอ?

เอ๋ : “ใช่ค่ะ ทั้งที่เขามีต่ายอยู่แล้ว เพราะเขาบอกว่าจะเลิกกับเด็กคนนี้ ตลอดที่ผ่านมาทุกครั้งที่เขาทะเลาะกับเด็กคนนี้ เขาจะร้องไห้มาหาหนู” 

ครูยังไง?

เอ๋ : “จะรับความจริงได้มั้ยถ้าเราพูด” 

ไพบูลย์ : “มันรู้อยู่แก่ใจของเขา” 

เอ๋ : “ใช่ คุณรู้อยู่แก่ใจ”

ไพบูลย์ : “มันไม่ได้เกี่ยวกับเขา มันเรื่องเราสองคนนะ” 

เอ๋ : “ถ้าเรื่องของเราสองคนจะไม่จบแบบนี้”  

ไพบูลย์ : “มันจบแล้ว เธอย้อนไปดูเมื่อ 3 ปีที่แล้ว”

เอ๋ : “3 ปีที่แล้วเธอบอกจบแต่เธอมาโพสต์ว่าเรามีชู้”

 ไพบูลย์ : “เธอย้อนไปดู เราต่างโพสต์ว่ากัน ตอนนั้นต่างคลอนแคลน หนูขอหย่ากับพี่เอง” 

เอ๋ : “ใช่ เอ๋เป็นคนขอหย่าเพราะว่าคุณบอกว่าคุณมีอะไรกับต่าย ถ้าคุณบอกว่าคุณทะเลาะกับเรา คุณคลอนแคลนกับเรา คุณไปเอากับคนอื่นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกระต่ายก็ได้ ทำไมต้องเป็นเด็กคนนี้ ซึ่งมันทำให้เราเจ็บปวดมาก เพราะเราเลี้ยงดูเด็กคนนี้มา” 

ไพบูลย์ : “ไม่จริง ตั้งสติพูดใหม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับใครเลย”

เอ๋ : “มึงบอกว่ามึงได้กับเขาทำไม” 

ไพบูลย์ : “ไม่ได้พูดอย่างนั้นเลย” 

เอ๋ : “ให้มึงตาย เอามั้ย” 

ใจเย็นๆ นะ?

ไพบูลย์ : “ก็เป็นแบบนี้”

 เอ๋ : “ไม่ขอให้เขาตายก็ได้ หนูขอให้เขาฉิบหายตรงนี้เลย” 

ไม่ฟ้องเขานะ?

ไพบูลย์ : “ไม่ฟ้องแน่นอน ผมเข้าใจ” 

เอ๋ : “ช่วงปีใหม่ก่อนกระต่ายมีลูก เขาก็มาขอให้หนูมีลูกให้เขา เขาบอกกระต่ายไม่เหมาะเป็นแม่ของลูก เขาบอกให้หนูมีลูกได้มั้ย หนูบอกว่าไม่ได้เพราะหนูไม่ได้รักแล้ว คุณเห็นแก่ตัวเกินไป จะให้เราไปอยู่ในฐานะอะไร เราไม่ได้อยากเป็นเมียน้อย” 

ไพบูลย์ : “ตั้งสตินะ แต่สำหรับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ผมไม่ฟ้องเขาแล้ว”

ที่ออกโหนกระแส ยังจะฟ้องมั้ย?

ไพบูลย์ : “เพราะตอนนั้นผมนิ่งตลอด นักข่าวโทรไปทุกวัน ผมบอกว่าผมพอแล้วผมอยากจบ ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่าก็ให้สื่อ ให้ข่าว ให้สัมภาษณ์ตลอดเวลา ผมเสียหาย”

เอ๋ : “ก็คุณบอกคุณจบ แต่คุณไม่ได้ขอโทษเรา แต่คุณไปขอเอฟซี เอฟซีไม่ได้โดนกระทำนะ”

ไพบูลย์ : “พี่ขอโทษเอ๋นะ (ยกมือไหว้) จะให้ขอโทษเรื่องอะไร” 

เอ๋ : “ขนาดขอโทษเรื่องอะไร คุณยังไม่รู้เลย คุณไม่ได้สำนึกไม่ต้องขอโทษเรา เราไม่ได้ต้องการแล้ว” 

ไพบูลย์ : “เธอก็รู้อยู่แก่ใจ เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะใคร ใครเป็นต้นเหตุ ผมไม่เกี่ยวกับคนอื่น สิ่งที่ผมพูดและทำเกี่ยวกับอดีตภรรยา มันจบไปแล้วเมื่อสามปีที่แล้ว ผมย้ำอยู่ตลอดเวลา” 

ครูพยายามบอกจบไปนานแล้ว มีชีวิตใหม่แล้วกับทางฝั่งต่าย เอ๋น่าจะเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?

ไพบูลย์ : “สิ่งที่ผมช่วยเหลือด้วยความหวังดี ปรารถนาดี เขาก็รู้อยู่ตลอดเพราะผมหวังดี ตอนแรกผมตามอยู่ปีสองปี”

กลับไปกระต่ายจะตบครูมั้ย?

ไพบูลย์ : “ไม่ครับ เพราะห้วงเวลานั้นเราไม่ได้ตกลง ไม่มีการลงเอยว่าจะเป็นแฟนกัน เขาก็มีแฟนของเขา” 

เขาบอกคบกระต่ายครูก็ตามเขาจะกลับไปหาเขาอีก?

ไพบูลย์ : “ไม่ครับเป็นเรื่องหลังปี 61 มาแล้ว ผมพยายามติดต่อ ยื้อทุกอย่าง ยิ้ทุกวิถีทาง” 

เอ๋ : “คุณยื้อตลอด เพราะบอกว่ากระต่ายเป็นเหมือนเราไม่ได้” 

ไพบูลย์ : “มันไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่น เข้าใจมั้ย” 

เอ๋ : “แล้วคุณมาร้องไห้อยากตาย บอกว่าเด็กคนนี้มีผัวใหม่ คุณบอกเราว่าพี่เอาเงินไปให้เขา แล้วเขาเอาไปให้คนใหม่แล้วคุณก็ร้องไห้” 

ไพบูลย์ : “มันไม่ใช่แล้ว ทุกบาทก็อยู่กับพี่นี่แหละ จะเอาเงินให้เขาได้ไง” 

วันนี้เรามีทางไกล่เกลี่ย หรือพูดคุยมุมไหนที่ไม่ต้องมาฟ้องร้องกันได้มั้ย หรือถอนไปทั้งคู่ อยู่อย่างสันติได้มั้ย?

ไพบูลย์ : “ได้ครับ อยากให้เป็นอย่างนั้นมาก ตอนนี้รู้สึกยินดีและดีใจที่เขาประสบความสำเร็จ มีงานมีเงิน เขาจะเลี้ยงลูกหรือผมเลี้ยง เราไม่โฟกัส แต่เราจะโฟกัสตรงที่เราเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดีของลูกเราแค่นั้น”

มีโอกาสไกล่เกลี่ยมั้ย มีจุดตรงไหนจะลงได้มั้ย?

เอ๋ : “พี่หนุ่มถามเขาสิคะว่าเขาจะเอายังไง”

ไพบูลย์ : “พี่ตอบไปแล้ว ทุกอย่างจบที่เรา คุยกันได้ทั้งหมดแหละ”

เอ๋ : “คุณอยากจบมั้ย”

ไพบูลย์ : “อยากจบครับ” 

เอ๋ : “คุณอยากจบยังไง ถามก่อน คุณจะทำยังไงให้มันจบ” 

เอ๋อยากให้จบแบบไหน?

เอ๋ : “หนูแล้วแต่เขาเลยว่าเขาอยากจบแบบไหน ถ้าเขาทำให้หนูพอใจว่าสิ่งที่เขาทำหนูมามันสมควรที่จะจบ”

ไพบูลย์ : “เธอต้องแยกก่อน สามปีที่แล้วเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว พี่ไม่ไปติดต่อหนู พี่มีกระต่ายก็เลิกติดต่อแล้ว พี่ก็ดูแลครอบครัวใหม่ เธอก็มีครอบครัว แต่ตอนนี้เราเป็นพ่อแม่ที่ดีของสายแนน เธอก็รู้ว่าพี่รักสายแนนมากแค่ไหน” 

เอ๋  : “มันไม่เกี่ยวกับลูก มันเกี่ยวกับเราสองคน”

ไพบูลย์ : “ก็หมายถึงเราสองคน เธอต้องการอะไร แล้วที่ฟ้องมา เอาค่าเลี้ยงดู เดือนละ 2 หมื่นบาท 20 ปีหรือจนกว่าลูกจะบรรลุนิติภาวะ พี่ไม่เข้าใจว่าคิดยังไง”

เราให้ได้มั้ย?

ไพบูลย์ : “บอกตรงๆ ก่อนคบกระต่าย ผมบอกให้เขามาอยู่บ้านเลี้ยงลูก ผมจะแลทุกอย่าง แต่เธอบอกจะไปเรียน ไปทำงาน ตรงนั้นผมก็ไม่ได้ว่า” 

เอ๋ : “เราจะไปอยู่ได้ยังไง คุณให้เราเดือนละ 2 หมื่นไปเลี้ยงลูก แต่คุณไปกับเด็กนั่น ใครจะรับได้ ถามหน่อย” 

ไพบูลย์ : “เราไปทำงาน” 

เอ๋ : “ทำงานเราก็บอกคนอื่นได้ถูกมั้ย ตลอดสามปีที่ผ่านมาทุกคนเชื่อคุณ เพราะคุณบอกไปทำงาน ไม่มีใครเชื่อเรา จนวันนี้เมียใหม่คุณมีลูก คนถึงเชื่อเรา ตอนเขาเลิกกับหนู เขาบอกว่าไม่ได้มีอะไรกับกระต่าย” 

ไพบูลย์ : “ก็เราไม่ได้มีอะไรกัน จะให้พูดว่ายังไง”

เอ๋ : “ถ้าไม่ได้กันแล้วคุณมาบอกได้ยังไง”

ไพบูลย์ : “ใครไปบอกว่าได้กัน” 

เอ๋ : “มึงนั่นแหละ”

ใจเย็นๆ คนดูอยู่เยอะ?

ไพบูลย์ : “เอาอย่างนี้ เอ๋จะให้ทำยังไง ทุกอย่างพอแล้วสำหรับเราสองคน มันควรเป็นพ่อเป็นแม่ที่ดี เป็นพี่เป็นน้องที่ดี”

เอ๋ : “ถ้าวันนั้นเราไปโหนกระแส เราพูดว่าเราเจ็บปวดยังไงบ้าง เราโดนคุณทำอะไรบ้าง  แทนที่คุณจะขอโทษเรา เอาลูกมาให้เราเลี้ยง แทนที่คุณจะดูแลเรากับลูก แต่คุณกลับมาฟ้องเรา” 

ไพบูลย์ : “แต่เธอไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด เธอพูดแต่ฝ่ายเดียวของเธอไง เธอพูดแต่สิ่งที่เธอรู้สึกกไง 

เอ๋ : “เอ๋อยากพูดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่รายการมีเวลาแค่นั้น” 

ไพบูลย์ : “พี่ก็อยากพูดตั้งแต่จบจนต้นเหมือนกันแหละครับ มันไม่มีที่จบ ผมอยากจบมาก” 

ตอนนี้จบยังไง เอ๋อยากให้เขาทำอะไร อยากให้ขอโทษ ตั้งโต๊ะแถลงหรือถอนฟ้อง มีธงในใจยังไง?

เอ๋ : “ให้เขามาเคลียร์กับหนูเองค่ะ แต่ตลอดเวลาที่เอฟซีถามเขาว่าคุณไม่ไปเคลียร์กับเอ๋ เขาบอกว่ารอหนูไปเคลียร์กับเขา แต่หนูไม่ได้ผิดจะรอหนูไปเคลียร์ได้ไง แทนที่เขาจะมาเคลียร์กับหนู

ไพบูลย์ : “ช่องทางที่จะติดต่อเธอ ช่องทางไหน เธอบล็อกพี่ทั้งหมด”

เอ๋ : “คุณบอกคุณไม่มีช่องทางติดต่อเรา แล้ววันนั้นคุณเอาเฟซแม่บ้านมาคุยกับเราได้ไง  คุณบล็อกเรา”

ไพบูลย์ : “ใครคือแม่บ้าน ที่บ้านไม่มีแม่บ้าน” 

เอ๋ : “แม่บ้านคุณคือใคร แล้วมาถามเรา” 

ไพบูลย์ : “ที่บ้านผมไม่มีแม่บ้าน มีแต่ย่าสายแนน คือแม่ผม”

แม่บ้านคือใคร?

เอ๋ : “คนดูแลครอบครัว คือย่าของเขาค่ะ ก็เป็นป้าอ้อยของคุณ แทนที่จะคุยกับเรา แล้วคุณมาบล็อกทำไม” 

ไพบูลย์ : “แล้วไปบอกคนอื่นว่าเป็นแม่บ้านทำไม” 

เอ๋ : “ถ้าไม่เป็นแม่บ้าน แล้วทำไมซักเสื้อผ้าให้มึงล่ะ”

ทั้งเอ๋ ทั้งครูไปเจอกัน และนั่งคุยเคลียร์กัน จะมีโอกาสจบมั้ย?

 เอ๋ : “ก็ลองดูค่ะว่าจะเคลียร์กับหนูยังไง ต้องเข้าใจหนูด้วย ตอนนั้นหนูขอแค่คำขอโทษ แต่ตอนนี้หนูขอคำขอโทษไม่ได้แล้ว เพราะผู้ใหญ่ที่ดูแลหนูถูกเขาทำให้เสียหายไปหมดทุกคนแล้ว” 

ไพบูลย์ : “ใครเสียหายกว่ากัน พี่ถามก่อน แม้แต่การทำงานก็กระทบ แม้แต่ยูทูบ พี่โดนคนไปด่า ไม่ได้ทำงานในยูทูบมาเดือนนึงแล้ว คนว่าลูกชิ้นไม่เท่าไหร่ แต่การไปตั้งกลุ่มแก๊งเพื่อมาทำคอมเมนต์ มีการบอกกันด้วยว่าทำเฟซอวตารสิ จะได้ด่าแล้วไม่โดนฟ้อง มีด้วยเหรอครับแบบนี้ ทำไมไม่จบไป”

เอ๋ : “มันเป็นกรรมที่ต้องรับสิ” 

ไพบูลย์ : “มันจะเป็นกรรมได้ยังไง ถามหน่อยทุกคนล้วนมีกรรม ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ดีและไม่ดี กรรมคืออะไร ใครกระทำดีก็ได้ดี ใครทำไม่ก็ไม่ได้ดี แล้วพี่ผิดอะไร”

เอ๋ : “พี่ถึงฉิบหายมั้ย” 

ไพบูลย์ : “คนทำให้เราไม่ดีหรือเปล่า เพราะอิจฉาหรือเปล่า” 

ทนาย : “คดีที่ฟ้องไปศาลจ.เลย นัดไกล่เกลี่ย 2 พ.ย. ถ้าน้องประสงค์จะไกล่เกลี่ยก็ยินดี ทางศาลก็นัดไกล่เกลี่ยก่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องอยู่แล้ว”

เอ๋ฟ้องพรากผู้เยาว์?

ทนาย : “ก็เป็นสิทธิ์ครับ” 

เอ๋จะดำเนินคดีถึงที่สุด?

เอ๋ : “ใช่ค่ะ”

ประจักษ์ชัยน่าจะโดนฟ้อง 20 ล้าน แต่ฝั่งนี้ไม่เปิดว่าฟ้องใคร แต่ศรชี้ไปทางนั้น ?

เอ๋ : “ตอนนี้หนูว่าจะฟ้องเรื่องสินสมรสค่ะ” 

ไพบูลย์ : “ตอนนี้ที่ผมได้รับก็มีฟ้องพรากผู้เยาว์ เพิกถอนการเลี้ยงดูบุตร และเรียกค่าเลี้ยงดู”

ลูกอยู่กับใคร?

ไพบูลย์ : “เขาเพิ่งมารับกลางเดือนก.ย. ที่ผมลงว่าคิดถึงลูก เพราะผมชอบอยู่กับลูก เขาบอกลูกไม่ได้นอนกับผม สาเหตุเพราะผมทำงานหนัก บางวันต้องทำงานห้องอัด เขาก็มานอนเฝ้าผม ผมสงสารเลยให้นอนกับย่า”

เอ๋ : “ลูกบอกเอ๋ว่าตอนกระต่ายท้องโต ลูกไม่มีที่นอน คุณบอกว่ามันเบียดกัน” 

ไพบูลย์ : “ไม่เกี่ยวกัน พี่ทำงานดึกก็รู้ สายแนนไม่อยากให้นอนดึก ไปย้อนดูเฟซบุ๊กผม จะไลฟ์สดกับลูกบ่อยมาก ไม่ชอบโพสต์อะไรเกี่ยวกับลูก แต่ชอบพาเขาทำกิจกรรม”

เอ๋ : “เราไม่เคยบอกว่าคุณเป็นพ่อไม่ดีคุณเป็นพ่อที่ดี คุณเป็นผัวที่เลว คุณเข้าใจมั้ย”

ไพบูลย์ : “อ่ะ ว่ามา”

อย่าไปฟ้องเขานะ?

ไพบูลย์ : “ไม่ครับ ผมพอแล้ว” 

ทนาย : “ถ้าอยากจบจริง ไปเจอที่ศาล 2 พ.ย. ไปไกล่เกลี่ยกันดีกว่า เพื่อทุกอย่างจะได้จบ” 

ไพบูลย์ : “สองอาทิตย์ก่อนผมก็ไปหาเขา ไปเล่นกับลูก เขาอยู่แต่เราไม่ได้คุยกัน วันนั้นก็ร้องไห้ ได้แต่จูบหน้าผากลูกบอกว่าพ่อคิดถึงลูกนะ”

เอ๋ยืนยันว่าถูกกล่าวหาว่ามีชู้ เลยมาออกรายการเพื่อบอกว่าไม่ใช่มีชู้ ฝั่งครูไพบูลย์เปิดเผยภรรยาคนใหม่?

เอ๋ : “ใช่ค่ะ ตอนเขาบอกว่าหนูโพสต์ หนูมีครอบครัวใหม่แล้ว หนูอยากรู้ว่าเขาพูดความจริงมั้ย สุดท้ายเขาเห็นหนูโพสต์ว่าอย่ามายุ่งกับครอบครัวหนู เขาเลยพูดว่าเขาเลิกกับหนูโดยดี แล้วมาคบกับกระต่าย ตอนดูแถลงการณ์หนูร้องไห้เลย ทำไมพูดเอาดีเข้าตัว”

ยังรักเขาอยู่?

เอ๋ : “ไม่ค่ะ มันเจ็บมาก ไม่รู้จะพรรณนาความเจ็บนี้ยังไง ไม่ได้เจ็บ 3 ปีที่แล้วแต่เจ็บทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็มาหาและเล่าเรื่องเด็กผู้หญิงคนนี้ให้ฟังตลอด”

ไพบูลย์ : “แต่หลังจากอยู่กับกระต่าย ต้นปี 63 ที่เริ่มใช้ชีวิตอยู่บ้านหลังเดียวกัน ช่วงนั้นผมไม่ค่อยได้คุยกับเอ๋ แต่ผมก็ช่วยนะ เขามีอะไรผมก็ช่วย เพราะผมอยู่ในพาร์ทชีวิตที่เป็นครอบครัวใหม่ของผมแล้ว”

 พ้อยท์มีแค่นิดเดียว เอ๋พยายามพูดว่าครูไม่ได้พูดความจริงกับสังคม 3 ปีก่อนถูกกระทำ โดยที่กลายเป็นคนต้องหย่ากับครูเพราะมีชู้ สองหลังปิดตัว พยายามเรียกร้องความเป็นธรรมว่าครูมีกระต่ายด้วย มีเอ๋ด้วยและมีกระต่ายด้วย เพราะไปเปิดเผยกับเอ๋ว่าเหมือนไปได้เขาแล้ว แต่ครูบอกว่าไม่ใช่ เอ๋รู้สึกว่าทำไมครูต้องโกหก?

ไพบูลย์ : “มันไม่มีอะไรต้องโกหก” 

เหมือนถ้าครูไม่ยอมรับตรงจุดนี้ เขาจะกลายเป็นคนผิดไปเรื่อยๆ?

ไพบูลย์ : “ตอนนี้เขาไม่ผิด ขอร้องเอฟซีหรือใครอย่าพิพากษาใครเลย ให้ศาลพิพากษาดีกว่ามั้ย ถ้าจะดำเนินคดีหรือพิพากษากัน ตอนนี้คนแย่ที่สุดไม่ใช่แค่เรา ภรรยาผมก็แย่ และกระทบถึงคนรอบข้าง ยุ่งยากทนาย ยุ่งยากสังคมที่ต้องมาคิดตามว่าเป็นยังไง ก็เป็นกรรมของเขาที่ต้องมารับรู้เรื่องแบบนี้และเป็นทุกข์เอง มันเป็นเรื่องแค่เราสองคน เราเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน เขาด่าผม ประจานผม ผมก็มีสิทธิ์โต้แย้งและปกป้องสิทธิ์ของผม”

อยากฝากอะไรถึง อ.ประจักษ์ชัย ครั้งแรกที่เอ๋มาออกรายการ แกบอกว่าครูเป็นคนดีมาก น่ารัก ผมตกใจมากพอวันนี้สองคนนี้ทะเลาะกัน มันเกิดอะไรขึ้น?

ไพบูลย์ : “ในส่วนนี้ไม่ขอลงดีเทล ผมเป็นผู้น้อย เอาตรงๆ ว่าผมก็แค่เด็กบ้านนอก เด็กอีสานคนนึง ที่ได้รับโอกาสทำเพลงจนโด่งดัง มีงาน ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่ได้หมายถึงผมจะฟ้องอย่างเดียวสำหรับคนที่ด่า ถ้าไม่ด่าจนผมไม่มีที่ยืนในสังคม ถ้าเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ไม่ได่หมายถึงใครนะ ใครก็แล้วแต่ ที่เป็นผู้ใหญ่ในวงการ ควรมั้ยมาด่า กล่าวหาเด็กคนนึง หมายถึงผม ที่ไม่เคยกล่าวร้าย ไม่เคยไปหาเรื่องใคร อยู่แต่เซฟโซนตัวเอง ไม่เคยไปวิจารณ์งานใคร ไม่เคยบอกว่าผมดังหรือไม่ดัง ผมรวยหรือไม่รวย คำนี้ไม่เคยออกจากปาก ตรงกันข้ามผมมีแต่ชวยเหลือหยิบยื่นสังคม”

เอ๋ : “เอ๋เป็นเด็กผู้หญิงคนนึง เกิดมาแล้วอยู่กับคุณเลย คุณทำกับเราได้ยังไง” 

ไพบูลย์ : “พี่ก็ช่วย พี่ก็พยายาม พี่ต้องทำทุกอย่างไง เหมือนที่ผ่านมาที่พี่ช่วยเหลือ”

 เอ๋ : “คุณทำทุกอย่างให้ตัวเองดีขึ้น และเหยียบเราให้ต่ำลงเนี่ยนะ”

 ไพบ&a