“อาต้อย เศรษฐา” เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ หลังกลับมาให้คีโม เฝ้าระวังมะเร็งลามต่อมหมวกไต

“อีฟ พุทธิดา” ลูกสาว “อาต้อย เศรษฐา” อัปเดตอาการคุณพ่อ หลังป่วยมะเร็งปอดระยะที่ 4 มีอาการแพ้คีโม และเฝ้าระวังเชื้อลามถึงต่อหมวกไต แฟนๆ ส่งกำลังใจล้นหลาม

ต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ สำหรับ อาต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 ต้องกลับมาทำคีโมอีกครั้ง ซึ่งผลจากการทำคีโมส่งผลให้อาต้อยเกิดการอาเจียน ท้องเสีย และยังต้องเฝ้าระวังการกระจายของโรคไปสู่ต่อมหมวกไต

โดยล่าสุด อีฟ พุทธิดา ลูกสาวคนเก่งได้อัปเดตอาการของอาต้อย ด้วยการโพสต์ภาพคุณพ่อขณะอยู่ที่โรงพยาบาล ลงในอินสตาแกรม @yvessirachaya พร้อใกับข้อความว่า “คุณพ่อต้องกลับมาเริ่มให้คีโมใหม่เนื่องจาก หลังจากหยุดคีโมไปแล้ว 3 เดือน ก้อนที่ปอดที่เคยมีขนาด 8 ซม. ตอนเริ่มต้นรักษา ลดลงเหลือประมาณ 4 ซม. ซึ่งก็คือลดไปแล้วครึ่งนึง และยังไม่ได้มีการเติบโตขึ้นก็จริง แต่เนื่องจากคุณพ่อเป็นระยะที่ 4 มันมีการกระจายไปที่อื่นด้วย หนึ่งในจุดที่คุณหมอพบว่าต้องให้ความสนใจและเฝ้าระวังคือตรงต่อมหมวกไต

เนื่องจากหลังหยุดไป 3 เดือนและตรวจรอบนี้พบว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึงไม่พรวดพราด แต่หมดก็ไม่วางใจค่ะ จึงต้องกลับมาให้คีโมใหม่ เปลี่ยนตัวยา และเพิ่มการให้ยาแบบมุ่งเป้า ซึ่งหลังจากให้คีโมในวันที่ 2 ที่ผ่านมา คุณพ่อกลับมาพักที่บ้าน และในวันที่ 4 เริ่มอาเจียนและทานอาหารไม่ค่อยได้ ซึ่งก็คือผลค้างเตียงจากการคีโมนั่นเอง คุณพ่อทานอาหารไม่ลงคลื่นไส้ทานแล้วอาเจียนมาก อี๊ฟกลัวหลายวันติดกันเกินจะขาดน้ำและร่างกายจะอ่อนเพลียจัด จึงตัดสินใจให้คุณพ่อเข้าพักให้น้ำเกลือที่รพ.

เมื่อวานนี้ช่วงค่ำ และปรากฎว่าเช้านี้คุณพ่อท้องเสีย ซึ่งตุณหมอแจ้งไว้แล้วว่าจะมีอาการท้องเสียซึ่งเป็นผลค้างเคียงของคีโมอีกเช่นกัน ทำให้คิดว่าตัดสินใจถูกแล้วที่ให้ไปให้น้ำเกลือไว้ก่อนไม่งั้นจะเพลียมากและขาดน้ำมากกว่านี้ ตอนนี้คุณพ่ออยู่ในความดูแลของคุณหมอ พอทานข้าวได้บ้างแต่ยังเพลียมากค่ะคงใช้เวลาอีก 3-4วัน โดยที่ตอนนี้อี๊ฟไม่ได้เฝ้าคุณพ่อเองเป็นเลขาไปเฝ้า ได้แค่ไปส่งและจัดการเรื่องที่รพ. จนถึงเที่ยงคืนเมื่อคืน เนื่องจากอะไรไปดูในโพสต่อไปนะคะ  ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งให้คุณพ่อนะคะ ขอให้ทุกๆ คนสุขภาพแข็งแรงๆ ไม่เจ็บไม่ไข้ค่ะ  #sirachayafamily #เศรษฐาศิระฉายา #หน้าที่คุณลูก”

ท่ามกลางคนในวงการบันเทิง และแฟนๆ ที่เข้าไปส่งกำลังใจให้อาต้อยและครอบครัวกันอย่างล้นหลาม