“หลิว อาจารียา” ท้อจนร้องไห้ เคยโดนดูถูกสารพัด หนักถึงขั้นเป็นเมียเจ้าของค่าย

เป็นศิลปินคุณภาพอีกหนึ่งคน ที่ฝ่าฟันสารพัดคำดูถูกกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ สำหรับนักร้องสาว หลิว-อาจารียา พรหมพฤกษ์ ซึ่งพักหลังมานี้เธอมีภาพลุคสวยๆ เซ็กซี่ๆ ที่ทำเอาหลายคนพูดถึงกันมาก แถมยังมีดราม่าเปรียบเทียบกับนักร้องสาว กระแต อาร์สยาม อีกด้วย

ล่าสุดเธอออกมาเปิดใจถึงประเด็นนี้ในรายการโต๊ะหนูแหม่มกับพิธีกรตัวแม่ หนูแหม่ม สุริวิภา พร้อมเผยความรู้สึกก่อนจะมาเป็นนักร้องดัง เคยท้อจนร้องไห้

พอเลิกแบ๊วแฟนคลับรับได้ไหม ?
“ช่วงแรกเขาก็รับไม่ได้ มีคนด่าบ้าง พอเราเริ่มโชว์เซ็กซี่ใส่ชุดว่ายน้ำตั้งแต่สามปีที่แล้ว และด้วยความที่เราโตขึ้น อายุมากขึ้น ซึ่งพอเราเปลี่ยนสไตล์ ชุดเราก็เริ่มเปลี่ยนด้วย ซึ่งอาจจะเรียบหรูแต่มีความเซ็กซี่อยู่นิดหน่อย เราเองก็มีส่วนในการช่วยคิดชุดว่าอยากได้แบบไหน มีความเซ็กซี่แต่ไม่ต้องมาก”

ไม่ได้โชว์มากขนาด กระแต อาร์สยาม ?
“ไม่ขนาดนั้นค่ะ เพราะอันนั้นหุ่นเขาเป๊ะมาก เราก็เอาแบบพอดีของเรา ข้ามเส้นจากสายแบ๊วมาเป็นแซ่บ ซึ่งก็ไม่ได้กระโดดไปมาก อาจจะข้ามขยับมาเบาๆ ในส่วนของแนวเพลงเราก็ต้องมีความเปลี่ยนด้วย ขอเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว แต่ก็ยังมีผู้หญิงหลายคนเห็นแฟนของเราแล้วอยากได้ และมองไม่ละสายตาอยากจะแย่งชิง”

พอเราเปลี่ยนมาเป็นสายแซ่บทำให้เราสบายตัวขึ้นไหม ?
“ก็สบายตัวขึ้น รู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเอง หนูว่าผู้หญิงหลายคนก็อยากจะมีความเซ็กซี่อยากมีความอะไรบ้าง แต่ด้วยอายุมันยังไม่ได้ มันก็ไม่ควรถึงตรงนั้น แต่พอโลกมันเปิดกว้างขึ้นเราก็อยากจะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น”

ตอนเป็นเด็กเคยคิดไหมว่าเราจะมาถึงจุดนี้ได้ ?
“ไม่เคยค่ะ เพราะว่าตอนนั้นเรารู้สึกว่าอยู่ลำพูนแล้วมันไกล ห่างไกลจากคำว่านักร้องที่จะประสบความสำเร็จหรือมีชื่อเสียง ในวันนั้นที่มาเหมือนเราเสี่ยงโชคเสี่ยงดวงมา เพราะเรารู้สึกว่าการที่เขาจะพาเรามาเป็นนักร้องมันคงไม่ใช่ พอได้ยินมาว่าการที่จะเป็นนักร้องลูกทุ่งต้องผ่านอะไรเยอะ ต้องพลีกาย ต้องแลกด้วยอะไรหลายอย่าง และเราก็กลัว แต่ด้วยความที่ยายมาด้วย และมิวสิควิดีโอออนออกไป เราถึงเชื่อว่าฉันเป็นนักร้องแล้วเหรอประมาณนั้น”

ช่วงเข้าวงการแรกๆ ถูกตีหน้าว่าหยิ่ง ?
“รู้สึกว่าไม่ได้หยิ่งแต่เขาไม่รู้จักเรา เหมือนถ้าไม่ได้คุยกับเรา ทุกคนก็จะมองว่าหน้าเรานิ่งเหมือนคนหยิ่ง แต่พอได้คุย ทุกคนก็จะบอกว่าเราติ๊งต๊อง ส่วนตัวเคยท้อเพราะมันไม่ใช่แค่หยิ่ง แต่โดนว่าหลายเรื่อง บอกไม่เหมาะที่จะเป็นนักร้องลูกทุ่ง เสียงไม่ได้ บางทีไปขอเพลงเขา เขาก็จะบอกว่าอย่างเธอเหรอจะร้องได้ เสียงเธอมันก็ได้แค่นี้แหละ ก็โดนดูถูกเยอะมาก ถูกกล่าวหาว่าเป็นเมียเจ้าของค่ายด้วย ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องว่าเราหรือตัดสินเราขนาดนั้น”

รับมือกับมันยังไง ?
“ร้องไห้เลยค่ะ ตอนนั้นยังเด็กอยู่ และคุณพ่อบุญธรรมก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยพิสูจน์ให้เขาดู เราต้องซ้อมร้องเพลงทุกวัน วิ่งทุกวัน ต้องเอาจริงเอาจัง เริ่มฟังเพลงลูกทุ่งทั้งหมดเลย เราก็เก็บตัวซ้อมทุกวัน เราทำแบบนั้นมาเป็นปีจนออกอัลบั้มสะใภ้นายก ซึ่งจากที่เราไม่มีลูกคอเลยมันคุ้มค่า ได้อะไรหลายอย่างจากที่เขาว่าเรา และโชคดีที่คนรอบข้างคอยเป็นกำลังใจให้ที่เราเติบโต”