“หนูแหม่ม-บ๊อบบี้” เผยรับ “น้องแอลลี่” เป็นลูกบุญธรรม อยากให้โอกาสที่ดีเหมือนตนเคยได้

หนูแหม่ม สุริวิภา ควงสามี บ๊อบบี้ เปิดใจหลังควงคู่ไปจดทะเบียนสมรส ทั้งที่แต่งงานอยู่กินกันมา 25 ปี แถมขึ้นแท่นพ่อ แม่มือใหม่ของวงการบันเทิง น้องแอลลี่ เป็นลูกใครทำไมถึงหน้าตาคล้ายคุณสามีเอามากๆ แถมยังกรุ๊ปเลือดเดียวกันอีกด้วย โดยทั้งคู่มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ show ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

พี่กับพี่บ๊อบบี้ไม่เคยจดทะเบียนกันมาก่อน?

หนูแหม่ม : “ไม่ได้จดในเมืองไทย เราคิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่ต้องมีอะไรสำคัญเป็นลายลักษณ์อักษรทุกคนก็รู้อยู่แล้ว”

บ๊อบบี้ : “กระดาษแผ่นเดียวมันไม่ได้กระทบกับความสัมพันธ์ของเรา”

13 มกราคม ที่ผ่านมาพี่ตัดสินใจไปจดทะเบียน เพราะอะไร?

หนูแหม่ม : “เหตุผลจากเราต้องทำเอกสารรับน้องแอลลี่เป็นบุตรบุญธรรม ทีนี้เอกสารที่มันเป็นภาษาอังกฤษมันค่อนข้างซับซ้อน มันต้องแปล ต้องอะไรเยอะแยะไปหมด ก็เลยบอกว่าอยากได้อะไร เขาบอกถ้าเป็นทะเบียนสมรสในเมืองไทย จริงๆ เรารวบรวมเอกสารนานมาก ก็เป็นความรู้สำหรับเราเหมือนกันนะคะว่าการจะต้องรับบุตรบุญธรรม เราจะต้องเตรียมอะไรบ้าง เราก็เตรียมกันหมดเลย ยกเว้นทะเบียนสมรสของไทย เราเตรียมกันเกือบ 6 เดือนเท่าอายุแอลลี่ เสร็จแล้วมันมาติดตรงที่เอกสารไม่ครบ คือทะเบียนสมรสเราเป็น USA ต้องเอาไปแปล ต้องเอาไปให้สถานฑูต รายละเอียดมันเยอะมาก เอาง่ายๆ เจ้าหน้าที่ต้องการอะไร ทะเบียนสมรสไทย โอเค พรุ่งนี้เจอกันที่เขต ก็เลยไปเขตวันรุ่งขึ้นเลย”

ตอนพี่หนูแหม่มบอกไปจดทะเบียนกันพี่รู้สึกยังไง?

บ๊อบบี้ : “โอเค เราทำทุกอย่างให้มันครบ ให้มันถูกต้อง วันนั้นแหม่มรีบจองเลย ต้องแต่งที่นี่บางรัก”

ทำไมต้องที่บางรัก?

หนูแหม่ม : “ก็เขาฮิตกันที่บางรัก เราเคยคิดว่าวันนึงถ้าเราต้องจดทะเบียน ถ้ามีคนถามว่าจดที่ไหน จะบอกว่าไง ลาดพร้าวเหรอ ฉันก็ไปสร้างวีรกรรมไว้ในเขตลาดพร้าวก็ไม่น้อยนะ ตอนคดีหมาเห่า เขตเขาคงแบบ..คุณหนูแหม่ม เวลคัม ฉันก็กลัวจะไม่เป็นแบบนั้น ช่วงนี้เป็นสถานการณ์โควิดก็ต้องจองผ่านเว็บไซต์ น่ารักมาก เผอิญมันไม่ใช่เทศกาลของการจดทะเบียน แต่ถ้าเป็นเดือนนี้ไม่แน่ คุณอาจจะต้องเข้าคิวยาว”

13 มกราคม กับ 14 กุมภาพันธ์ วันที่ 14 มันโรแมนติกกว่านะ?

บ๊อบบี้ : “เราอยากให้เอกสารมันครบเร็วที่สุด”

หนูแหม่ม : “มีคนถามทำไมไม่รอ มาเอาวันที่ 13 มกราคม คือรอไม่ไหว ฉันต้องจัดเดี๋ยวนี้เลย เจ้าหน้าที่บอกวันนี้ วันรุ่งขึ้นฉันจองเลย”

พอจดทะเบียนแล้วความรู้สึกเปลี่ยนไหม?

บ๊อบบี้ : “ไม่เปลี่ยน เราอยู่ด้วยกันมา 24 ปี แค่กระดาษอันเดียวทำให้เราเปลี่ยนบุคลิกหรือเปลี่ยนนิสัยแบบนี้”

หนูแหม่ม : “แต่ฉันตื่นเต้น เพราะว่าไปถึงเตรียมอะไรทันไหมวะ ก็ไปชุดวอร์มนี่แหละ โทรให้ฝ่ายเสื้อผ้าเอาเอา veil มาให้ฉันหน่อย พอจดเสร็จเขาก็มีซุ้มถ่ายรูปเป็นเรื่องเป็นราวเลย เผอิญไปเจอคู่นึง มาจดก่อนหน้าเรา เราก็ต้องรอ พอรอเสร็จถ่ายรูป เขาบอกพี่หนูแหม่มขอถ่ายรูปด้วย ฉันกลายเป็นเพื่อนเจ้าสาวคู่ข้างๆ ด้วย”

ที่ทำทั้งหมดเพื่อนน้องแอลลี่ แล้วน้องเป็นใคร ทำไมหน้าเหมือนพี่บ๊อบบี้?

บ๊อบบี้ : “ทุกคนถามทำไมแอลลี่หน้าตาเหมือนผม ไปมีอะไรกับแม่บ้าน หรือไปมีอะไรกับลูกน้อง ทุกคนสงสัยหมดเลย เพื่อนๆ ผมที่อเมริกาถามเยอะมากเลย คือแอลลี่เป็นลูกของลูกน้องในบ้าน ตอนแรกแม่ของแอลลี่จะส่งกลับไปต่างประเทศ เราบอกเห้ย…แหม่มเราช่วยครอบครัวอื่นตั้งเยอะ ส่งเด็กคนอื่นไปเรียน ทำไมเราไม่ให้โอกาสแอลลี่แบบนี้ด้วย”

พี่แหม่มตอนแรกที่เขาบอก เรามีแบบ…เห้ยคิดดูก่อนนะ?

หนูแหม่ม : “จริงๆ เรารักเขาตั้งแต่แม่เขาละ คือแม่ของแอลลี่เป็นเด็กที่ดีมาก อยู่กับเรามา 2 ปี เป็นเด็กที่มีธรรมะอยู่ในหัวใจตลอดทุกขณะเลย เป็นเด็กดี เรียบร้อย เป็นลูกน้องที่เรารัก คือเขามีครอบครัวมาแล้ว วันนี้ที่เขามาทำงาน เขาก็ยังติดต่อกับสามีเขา วันนึงเขาก็บอกว่าหนูท้อง เขาคงกังวลใจด้วย เขาเป็นท้องแรก ถ้าเขาท้องแล้วเขายังเป็นลูกน้องคุณแหม่มต่อไปได้ไหม ยังทำงานต่อได้ไหม เราก็รวบรัด รวบตึงเลยบอกว่า ท้องแล้วทำงานได้ไหม ทำไหวไหม เขาบอกทำไหว เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันแรกที่แอลลี่เป็นเม็ดถั่วเขียว เราเริ่มรู้จักกันตั้งแต่วันนั้นแล้ว แล้วเราก็จะเห็นตลอด อันนี้ 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน ไปจนถึงคลอด เรามีความผูกพันตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มมาบอกเราว่าเขาท้อง”

“เราก็มีความคิดนิดๆ แหละว่าท้องแล้วไง ก็อยู่รวมกันได้ ก็เลยถามกลับไปถ้าสมมติวันนึงคลอดแล้วจะเอาลูกไปไหน เขาบอกคงต้องส่งกลับไปให้ยาย แล้วกลับไปเยี่ยม แล้วก็กลับมาทำงาน เราก็กลับมาคุยกันสองคนผัวเมียในห้อง วันๆ ไม่ทำอะไรกันแล้ว การบ้านอะไร ก็คุยกันเรื่องคนอื่นส่วนใหญ่ ปรึกษากันว่า ถ้าวันนึงแอลลี่โตขึ้น แล้วเราเห็นวันนั้นแอลลี่อยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม อาจจะกลับมาทำงานเหมือนแม่เขา หรืออาจจะไปอยู่ในสังคมที่เราตกใจ สังคมไม่ดี เราจะรู้สึกเสียใจมาก วันนั้นเราจะรู้สึกผิดมากว่าทำไมโอกาสของแอลลี่มีอยู่แล้ว ทำไมเราไม่หยิบโอกาสดีๆ ให้น้อง ปล่อยน้องกลับไป คือเราคุยกันสองคนเฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไร เนื่องจากเขาก็มีครอบครัว แอลลี่เป็นลูกคนแรกของครอบครัว เป็นหลานคนแรกของปู่ ย่า ตา ยาย เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะรู้สึกอะไร เราต้องถามและปรึกษาแม่กับพ่อเขาก่อนว่าถ้าคุณแหม่มคิดแบบนี้แล้วขอรับเป็นบุตรบุญธรรม เขาจะโอเคไหม แม่ๆ กับพ่อๆ ไปปรึกษากันก่อน อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ แต่วันนั้นน้องคลอดแล้วนะคะ”

เขาไปคิดนานไหม?

หนูแหม่ม : “เขาก็กลับไปปรึกษาในครอบครัว ถามพ่อๆ เพราะเราให้เรียกเราว่า มามี๊กับแดดดี๊ แล้วเรียกแม่ ก็ต้องแม่ๆ พ่อก็ต้อง พ่อๆ เราจะแยกให้เห็นชัดเจนว่าสถานะเราคืออะไร แล้วเขามีพ่อแม่จริงๆ อยู่ด้วย แล้วหนูก็เลี้ยงลูกในบ้านได้ด้วย ทำงานต่อได้ด้วย เขาคิดอยู่สักพัก จนเขากลับมาบอกว่าเขาโอเคที่จะเอาน้องแอลลี่ไว้ที่นี่ แล้วยายของแอลลี่ดีใจมากทีาคุณแหม่มจะรับเป็นบุตรบุญธรรม เขาบอกเป็นบุญของเขาเหลือเกิน เราก็เลยดำเนินการตามกฎหมาย”

พี่ตั้งใจจะเลี้ยงน้องแอลลี่ตลอดชีวิตของพี่เลยไหม?

หนูแหม่ม : “เป็นไปไม่ได้หรอก จริงๆ ชีวิตเรามาไกลแล้ว วันนึงแอลลี่ต้องเป็นชีวิตของเขาเอง แต่ถามว่าพี่ซัพพอร์ตตลอดชีวิตจนลมหายใจสุดท้ายไหม พี่ตัดสินใจ ณ วันที่พี่บอกแม่ๆ แล้วว่าพี่จะรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม พี่พร้อมซัพพอร์ตจนวันที่พี่หมดลมหายใจ”

ทำไมพี่ถึงตัดสินใจเลือกน้องแอลลี่มาเป็นลูกบุญธรรม?

หนูแหม่ม : “มันไม่มีบังเอิญในโลกนี้ ถ้าพูดถึงหลักพระพุทธศาสนาที่ถูกสอนกันมา พี่หนูแหม่มมองว่าวาสนาเราตรงกัน หรือบุญสัมพันธ์ที่เราเคยทำแต่ปางไหน เราไม่สามารถรู้ได้ มันทำให้เราแค่เห็นหน้ากัน แค่เห็นคุณเป็นเม็ดถั่วเขียวเล็กๆ เราก็รู้สึกเอ็นดู”

พี่เป็นอีกหนึ่งคู่ที่ไม่คิดจะมีลูก?

บ๊อบบี้ : “ใช่ เราทำใจเลยนะ โอเคเราจะใช้ชีวิตให้มันเต็มที่ไม่มีลูก”

พี่บ๊อบบี้เปิดใจรับได้ยังไง?

บ๊อบบี้ : “เราเห็นโอกาสอะไรแบบนี้ บ้านเราก็มี ห้องเราก็มี เราส่งแอลลี่ไปเรียนดีๆ ก็ได้”

หนูแหม่ม : “ถามว่าวันนี้เราพร้อมไหม เราพร้อมในชีวิต”

แล้วเรื่องกฎหมายถึงไหนแล้ว?

หนูแหม่ม : “ตอนนี้รวบรวมเอกสารครบแล้ว เอกสารชิ้นสุดท้ายจากเขตบางรัก พร้อมเรียบร้อย เหลือขั้นตอนต่อไปคือมาเยี่ยมบ้าน มาดูว่าน้องอยู่บ้านยังไง คือป้องกันเรื่องของการค้ามนุษย์ หรือป้องกันความปลอดภัยของทั้งของเราและของเด็ก”

ประโยคที่ว่าอย่าเอาลูกเขามาเลี้ยง อย่าเอาเมี่ยงเขามาอม ได้ยินประโยคนี้รู้สึกยังไง?

หนูแหม่ม : “หนูแหม่มได้ยินคำนี้มาตั้งแต่หนูแหม่มเกิดละ ตั้งแต่อยู่ในชุมชนเล็กๆ อันนึง อยู่ที่จังหวัดสกลนคร ในวันนั้นเรารู้สึกว่านี่คือคำโบราณที่ทุกคนกำลังกังวลว่าในอนาคตมันจะออกมาเป็นยังไง ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะมองบวก แต่ ณ ปัจจุบันนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ความเป็นจริงของโลกต่างหากที่มันจะเป็นตัวตอบ แล้วโอกาสต่างหาก หนูแหม่มกำลังมองว่าถ้าแอลลี่อยู่ในสังคมที่ดี เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลหรอกว่าคุณจะเอาลูกเขามาเลี้ยง หรือเอาเมี่ยงเขามาอม เรากำลังจะส่งน้องไปในฝั่งที่สามารถดูแลตัวเองได้ หนูแหม่มคิดแค่นั้น เพราะฉะนั้นวันที่แอลลี่อายุ 20 แอลลี่อยากเดินเส้นทางไหนที่เป็นตัวของลูกจริงๆ เราเตรียมไว้ถึงขนาดนี้ เราจะซัพพอร์ตหนูทุกเรื่อง เราไม่ได้ต้องการอะไรตอบกลับมา แอลลี่ต้องมาเลี้ยงฉัน แอลลี่ต้องตอบแทนบุญคุณฉัน ถ้าเรามองตรงนั้นเราจะรู้สึกว่าเอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม”

ทำไมหน้าเหมือนพี่หนูแหม่มกับพี่บ๊อบบี้ กรุ๊ปเลือดเดียวกันด้วย?

หนูแหม่ม : “พี่ว่าเวลาเราอยู่ใกล้อะไร แม่ๆ อยู่บ้านกับเราทุกวัน เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะคล้ายเป็นไปได้สูงอยู่แล้ว ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ที่ตกใจคือกรุ๊ปเลือดเป็นกรุ๊ปเลือดเราสองคน เรา o แอลลี่ o มาดูใบเกิดละตกใจ”

แม่พี่หนูแหม่มว่าไง?

หนูแหม่ม : “จริงๆ แม่พี่ก็เตือนนะคะ เตือนด้วยความเป็นห่วงนั่นแหละ เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม เราก็เลยบอกว่าแม่ ถ้าเราจะให้โอกาสใครสักคนเหมือนแม่ให้โอกาสหนู เพราะว่าหนูก็มีเส้นทางที่มาไม่ได้ต่างจากแอลลี่ ทำไมเราจะไม่ให้โอกาสเด็กคนนึงได้ แม่ยังเลี้ยงหนูให้โตขึ้นมาลบคำสบประมาทว่าวันนึงคุณเอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม แล้ววันนึงเด็กหัวทองคนนี้มันจะทำให้คุณเสียใจ ร้องไห้ ในวันนั้นแม่รับคำสบประมาทนี้มาเยอะ แต่วันนี้แม่กำลังห่วงเรา เราก็เลยบอกว่าแม่ดูสิ แม่ทำกับหนู แล้วหนูโตมาเป็นยังไง หนูก็จะทำให้แอลลี่เป็นอีกหนึ่งคนที่น่าภาคภูมิใจเหมือนแม่ภูมิใจในตัวหนู”

เส้นทางของพี่หนูแหม่มเป็นเส้นทางนี้เหมือนกัน?

หนูแหม่ม : “ใช่ เป็นบุตรบุญธรรม”

พี่ยังจำความตอนเด็กได้ชัดเจนไหม?

หนูแหม่ม : “พี่จำได้ในบางตอน พี่เป็นเด็กคนนึงที่เลี้ยงในครอบครัวต่างจังหวัด เราเป็นคาทอลิกตั้งแต่สายเลือดแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะถูกเลี้ยงด้วยความรัก แล้วพี่หนูแหม่มคือเบอร์หนึ่งของที่บ้าน พี่จะต้องได้ใส่เสื้อที่ดีก่อนใคร แม่พี่จะต้องปกป้องเหมือนแม่ไก่ที่ใครทำลูก แม่พี่จะจิกจะตบ เพราะฉะนั้นพี่รู้แต่ว่าพี่เป็นเบอร์ 1 ในครอบครัว แล้วทุกคนมอบความรักให้พี่ พี่รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรในชีวิตที่ขาด นอกจากคนรอบข้างพูดให้แม่รู้สึกว่าแม่เดินทางถูกหรือเปล่า ทำแบบนี้ถูกไหม เพราะฉะนั้นพี่ต้องพิสูจน์ให้แม่พี่ภูมิใจให้ได้จากคำสบประมาท และในวันนี้เรารู้สึกว่าเราทำได้”

เวลาไปโรงเรียนมีโดนล้อไหม?

หนูแหม่ม : “พี่ตีกับเพื่อนประจำ เพราะพี่เติบโตมาในหมู่บ้านที่ไม่มีใครผมทองเลย แล้วมีพี่ผมทองอยู่คนเดียว ทุกคนก็จะเรียกอีแหม่นนู่น อีนี่ อีฝรั่ง อีหัวทอง อีลูกผู้หญิงหากิน ชักโตขึ้น ชักแรง พี่จับหัวเพื่อนพี่โขกกับโต๊ะ มันกลับไปร้องไห้ฟ้องแม่มัน เรียกผู้ปกครองสิทีนี้ แม่พี่ก็มา แม่อีตัวล้อก็มา แม่พี่ไม่ฟังอะไรยืนด่าแม่เด็กคนนั้น จนแม่เด็กคนนั้นขอบคุณและสวัสดีค่ะ คือแม่พี่ปกป้องพี่มาก”

เคยถามแม่ไหมว่าทำไมเขาถึงรับเรามาเลี้ยง?

หนูแหม่ม : “เป็นอันเดียวที่พี่ไม่ทำให้แม่พี่รู้สึกจะต้องเล่าเรื่องพวกนี้เลย เพราะพี่รู้สึกว่าแม่พี่เจ๋งในการเลี้ยงพี่แล้ว ไม่มีการสงสัยใดใดเลย แม่ที่ตั้งครรภ์พี่มาคือคนให้เลือด ให้เนื้อพี่ แต่ถ้า ณ วันนั้นมาดามไม่เอาพี่มา พี่จะไม่มีลมหายใจจนถึงทุกวันนี้ พี่รู้แต่ว่าผู้หญิงคนนี้คือลมหายใจและดวงใจของพี่ เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นความสงสัย หรืออะไรที่ระคายเคืองจิตใจแม่พี่ พี่ไม่ทำ พี่ไม่มีอะไรขาดเลย”

อยากบอกอะไรเขา?

หนูแหม่ม : “รักแม่นะ”

ถ้าวันนึงแอลลี่โตขึ้น พี่จะอธิบายให้เขาฟังยังไง?

หนูแหม่ม : “เราติดกระดุมเม็ดแรกถูกแล้ว เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นหน้าที่ของแม่จริงๆ และพ่อๆ จริงๆ  เราให้เกียรติพ่อแม่ อะไรที่เป็นแค่แม่บุญธรรมก็เป็นแค่แม่บุญธรรม เราจะไม่ล้ำเส้นซึ่งกันและกัน กระดุมเม็ดแรกเราติดว่าแอลลี่มีอยู่ 2 ครอบครัวนะ หนูมีเต็มไม่ต้องกังวล ทุกอย่างคือความจริง”

วันนี้ที่เราต้องดูแลแอลลี่ความสุขเปลี่ยนไหม?

บ๊อบบี้ : “มันคนละแบบ ตอนแรกเราคิดว่าจะไม่มีลูกแล้ว ความสุขแบบนี้ พอมีแอลลี่ มันไปทางนี้”

หนูแหม่ม : “ที่ผ่านมาทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเราพยายามที่จะมีลูก อยากมีลูก ทุกคนถามว่าอันนี้คือการเติมเต็มไหม จริงๆ ความรักในครอบครัวเรามันเต็มแล้ว มันดีพออยู่แล้ว แต่พอเรามีแอลลี่เข้ามา เราบอกว่าป๊าอันนี้ไม่ใช่สิ่งเติมเต็ม อันนี้คือโบนัสในชีวิตเรา”

ชุด GUCCI สามีซื้อให้วันวาเลนไทน์?

หนูแหม่ม : “จริงๆ วันวาเลนไทน์เราเลิกให้ช็อกโกแลต กุหลาบแล้ว ก็เลยบอกว่าถ้าจะให้ของขวัญวันวาเลนไทน์ขอเป็นช่อเงินนะ นางก็นึกถึงช่อเงินไม่ออกก็เลยไปสอยชุดนี้มา”

บ๊อบบี้ : “ทุกปีเราต้องไปญี่ปุ่น เราไม่ได้ไปมา 3 ปีแล้ว เราเก็บงบไว้ แหม่มอยากได้ชุดใหม่เราไปซื้อ”

หนูแหม่ม : “แล้วถามว่าได้ไปไหม ไม่ได้เดินทาง”

ชุดนี้เท่ากับรถ Eco Car มือสองหนึ่งคัน?

หนูแหม่ม : “บ้า ร้อยวัน พันปี ฉันทำอะไรให้ตั้งเยอะ ตั้งแยะ ฉันยังไม่คิดเงินกลับเลย”

พี่บ๊อบบี้เป็นแดดดี้ที่ขี้เห่อไหม?

หนูแหม่ม : “มาก เขารักของเขา เนื่องจากหนูแหม่มทำงานออกบ้านทุกวัน แล้วเขาก็อยู่บ้านกัน 2 คน เวลาเล่นเขาก็เอาหัวชนกัน เกลียดความออเซาะของแดดดี๊ เอาหัวชนกัน เล่นกินขนมกัน เราก็รู้สึกแบบ..เพราะเขามีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะ ก็เลยกลายเป็นสนิทติดกันไปเลย”

เลี้ยงทุกอย่างยกเว้นเปลี่ยนผ้าอ้อม?

หนูแหม่ม : “ไม่ขมคอ ขี้เหม็นมาก พี่บ๊อบบี้ไม่เปลี่ยน”

บ๊อบบี้ : “ผมเป็นทีมซัพพอร์ต”

หนูแหม่ม : “เราก็บอกบ๊อบบี้อันนี้ลูกแกนะ หลังๆ ก็เริ่มทำ เริ่มช่วยใกล้ขึ้นมา”

ตอนนี้แอลลี่กี่เดือนแล้ว?

หนูแหม่ม : “10 เดือนค่ะ พัฒนาการแอลลี่เป็นไปตามวัยได้แบบน่าทึ่งมาก ฟังคำสั่งได้”

ถ้าเกิดแอลลี่แฮปปี้ขนาดนี้ทำไมไม่มีคนที่2?

บ๊อบบี้ : “เพราะเราทุ่มเทกับแอลลี่แล้ว”

หนูแหม่ม : “เขาบอกว่าตอนนี้ใจผมให้แอลลี่ไปหมดแล้ว แล้วผมไม่พร้อมเอาใจผมไปให้ใครแล้ว ฉันน้ำตาจะไหล ก็เลยบอกป๊าแกก็รักแอลลี่ไป เดี๋ยวพวกเราก็จะรักอีกคนนึงมันจะได้บาลานซ์กัน”

ติดตามชม รายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama