“มอส ปฏิภาณ” เปิดตำนานรักศิลปิน-พีอาร์ ต้องหลบๆ ซ่อน-ทุ่ม 15 ล้านสร้างสตูดิโอบ้านโบราณ

นักร้องยุค 90 ระดับตำนาน ที่ทีเสน่ห์ ขี้เล่น อย่าง มอส ปฏิภาณ ที่วันนี้จะมาเผยความเป็นคุณพ่อที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้ที่ไหนมาก่อนกับการเข้าหาจิตแพทย์เรื่องการเลี้ยงลูก พร้อมทั้งเปิดเผยเส้นทางความรักระดับตำนาน ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ตามบันไดหนีไฟ อีกทั้งยังสวนกระแสโควิด ทุ่มเงินกว่า 15 ล้านบาทสร้างสตูดิโอ ผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน 31 ที่มี หนิง ปณิตา และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

สถานการณ์โควิดของพี่เป็นยังไงบ้าง?

มอส : “พี่กักตัวโควิดรอบแรกเลย คือตอนนั้นในโลกยังไม่มีใครรู้จักโควิด เรากำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ว่ามีข่าวเล็กๆ มาจากจีนละ แต่ยังไม่ถึงเมืองไทย คือไปกับลูกสองคนด้วยนะ ตั้งใจไว้แล้ว เราก็ไป พอไปเสร็จปุ๊บก็มีประกาศว่าใครที่ไปญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ไม่ให้ไป ส่วนคนที่ไปถ้ากลับมาต้องกักตัว”

ณ ตอนนั้นที่เขาประกาศพี่มอสอยู่ที่ไหน?

มอส : “อยู่ที่ฮอกไกโดแล้ว พอไปอยู่ประมาณ 5 วันเขาเริ่มประกาศว่านู่น นี่นั้น แต่หลังจากนั้นกลับมาแล้วสัก 2 อาทิตย์มั้ง ฮอกไกโดมีประกาศว่ามีคนติด 1-2 คน เขาก็จะเริ่มปิดเกาะ แต่เรากลับมาแล้ว ก็กักตัว สมมติว่ากลับมาวันที่ 10 แล้ววันที่ 11 มีงาน เราก็โทรหาผู้จัดการ ปรึกษาภรรยา ปรึกษาแกรมมี่ ว่าผมจะทำยังไงดี ผมมี 7 งาน ค่าเทอมโสนหายไป ก็เลยให้ผู้จัดการโทรเคลียร์ แต่ว่าศรีภรรยาบอกว่าพี่ลงไอจีไปเลยว่าพี่กักตัว เขาจะได้เข้าใจ ซึ่งจริงๆ เราจะไปก็ได้ แต่มันคือความรับผิดชอบ”

เห็นว่าความรับผิดชอบครั้งนั้นโดนไปเป็นล้านเลย?

มอส : “ใช่ครับ เราก็ต้องทำอ่ะ”

เห็นว่ารอบ 2 คุณก็โดนยกเลิกคอนเสิร์ตไป 3 งาน?

มอส : “ใช่ ตอนนั้นก็มีละคร 3 หนุ่ม 3 มุม คูณ 2 อยู่ ก็มีน้องไปติดกับคลัสเตอร์ใหญ่”

ถึงกักตัวพี่เสียรายได้ไปไม่เท่ารอบแรก แต่พี่ก็เสียเงินไปกับอะไรบ้าง?

มอส : “ทำครัวใหม่ ทำสนามใหม่ ทาสีบ้านใหม่ คือทำทุกอย่างเลย”

นอกจากทำบ้านแล้วทำสตูดิโอด้วย?

มอส : “ใช่ สตูดิโอเนี่ย เราทำงานในวงการนี้เราก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร เราก็มีที่ติดแม่น้ำบางปะกง เราติดว่าถ้าเปิดร้านอาหารริมแม่น้ำ หรือเปิดฟาร์มให้เด็กๆ มาเที่ยว มันก็ต้องใช้คนเยอะ สตูดิโออาจจะใช้แค่ 2 คน”

คุณจ่ายไป 15 ล้าน?

มอส : “คือเป็นบ้านโบราณ เราก็ซื้อบ้านแบบไม้เก่า แบบถ่ายพีเรียด”

  • “มอส ปฏิภาณ” รีโนเวทบ้านไม้เก่า เนรมิตเป็นบ้านหลังใหม่สวยมาก

เห็นบอกว่ามีเรื่องลี้ลับด้วย?

มอส : “ก็มี ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไร บ้านหลังแรกคือบ้านคุณทวด อยู่ปราจีนบุรี ติดแม่น้ำบางปะกง เราก็ขับไปเห็นปุ๊บ โอเคตกลง ทุกอย่างครบถ้วน ให้คนมารื้อ พอวันสุดท้ายที่รื้อก็มีทีมงานไปทำพิธีเหมือนขอบ้านเขาเอาไปใช้งาน เอาไปอะไร เพราะเราซื้อเรียบร้อยแล้ว เราก็คุยกับทีมงาน ไปดูบ้านเลขที่สิ ตามประสาชาวบ้าน ทีมงานบอกไม่มี เราเลยบอกไปดูบ้านแรกสิตรงหัวถนน 33 ก็นับมา 5 หลังก็ 38 จัดเลย 22 ใบ 44,000 ครับ ผมก็บอกสาธุคุณทวด”

ณ ตอนนี้เสร็จ พร้อมใช้งานหรือยัง?

มอส : “น่าจะประมาณเดือนธันวาคม ก็จะเป็นแบบถ่ายพรีเวดดิ้งได้ หรือจะมาแต่งงาน ได้หมด อยู่ที่บ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา เราก็คิดว่าจะเปิด 10 ที่เป็นอาหารไทยริมแม่น้ำ ผมเป็นเชฟกับน้องอีกคน”

พี่มอสมีความเป็นเชฟโอมากาเสะด้วย?

มอส : “จริงๆ ลูกชอบด้วย ตอนนี้ซื้อปลามาทำเอง ซื้อข้าวมาหมัก ทำข้าวปั้น ซูชิให้ลูกกินเองเลย”

อย่างร้านโอมากาเสะเนี่ย พี่จะไปเปิดที่ไหน?

มอส : “สุพรรณบุรีก่อน เราไปลองดูแบบรอบเมืองก่อน แล้วค่อยเข้าไปในเมือง”

มาตรการดูแลโควิดเห็นบอกว่าบ้านนี้เข้มข้นเหลือเกิน?

มอส : “ที่พ่นอะไรแบบนี้ตั้งไว้ทุกจุด ใครมาส่งก็ฉีด หรือใครเข้ามาก็ฉีด แต่จริงๆ ก็ดีแล้ว เขาก็ห่วงลูกเขากลัวเป็นอะไร”

ตอนนี้อยู่บ้านส่วนใหญ่กิจกรรมครอบครัวที่ทำคืออะไร?

มอส : “ก็ทำอาหาร”

เห็นบอกว่าพี่เล่นติ๊กต๊อกกับลูกตลอดเลย?

มอส : “พี่โดนบังคับ”

น้องโสนมีแววมากๆ โดยเฉพาะเรื่องการเต้น ผลักดันเข้าวงการไหม?

มอส : “เขาเป็นคนขี้อายนะ แต่เขาชอบเต้น เราก็พาไปเรียนกับครูสอนเต้น แต่เขาคงต้องเรียนไปเรื่อยๆ ในสิ่งที่เขาชอบ”

ลูกสาวคนไหนเหมือนคุณพ่อที่สุด?

มอส : “น่าจะเป็นคนโตนะ ชอบอะไรแบบอาร์ตๆ เขาไปเข้าแคมป์รัชดาลัยด้วยนะ แล้วเขาก็ไปเต้นเพลงของพ่อ ที่พ่อแสดงฟ้าจรดทราย เขาก็มาเล่าให้ฟังว่าวันนี้หนูเต้นเพลงของพ่อด้วย เราก็ภูมิใจ เขาชอบทางนี้ แต่คงไม่ถึงขนาดแบบโสนอยากเข้าวงการ ยังไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนคนเล็กเอาแต่ใจหน่อย แล้วก็จะแสบขี้อ้อน แบบถ้าเขาอยากได้ตุ๊กตาตัวใหม่ เขาก็มาจุ๊บ แล้วเราก็รู้เลย ถามว่าอยากได้อะไรอีก แต่โสนจะไม่ได้มาสัมผัสอะไรเลย ขี้อาย”

ภรรยาพี่มอสมีวิธีการเลี้ยงลูกแบบดีมาก เห็นบอกว่าลูกคนแรก น้องโสน ตอนที่มีน้อง วิธีการเลี้ยงต้องปรึกษาจิตแพทย์ด้วย?

มอส : “พูดแบบนั้นเดี๋ยวจะงง ทำไมลูกเราต้องปรึกษาจิตแพทย์ แต่จริงๆ แล้วเนี่ยเราสังเกตเวลาไปเดินห้าง เราก็พาโสนไป ช่วงแรกๆ เขาก็ถ่ายรูปกับคนที่มาขอถ่าย แต่ช่วงหลังเหมือนกับอาการเขาเปลี่ยนไป เขาจะมาหลบ รู้สึกอึดอัด ก็ถามเกมส์ว่าลูกเปลี่ยนๆ ไป เราไปปรึกษาหมอไหมว่าลูกอาการแบบนี้มันเป็นอะไร หมอก็ถามเรื่องราวทั้งหมดของเรา การทำตัวกับเขายังไง มีเรื่องอะไรยังไง ก็เล่าให้หมด หมอก็จับประเด็นได้ว่า ช่วงแรกๆ ที่เราทำก็คือ โสนถ่ายกับพี่เขาหน่อยสิ สรุปแล้วหมอบอกว่าให้พี่มอสไม่ใช่อยู่ฝั่งเดียวกับแฟนคลับ ให้มาอยู่ฝั่งเดียวกับเขา หมอก็แนะนำให้เราถามลูกก่อนว่าอยากถ่ายไหม ให้เขาตัดสินใจ นั่นแสดงว่าเราอยู่ฝั่งเดียวกับเขา แล้วทุกครั้งที่ถาม บางทีเขาก็ถ่าย ถ้าเขาอารมณ์ดี”

เห็นบอกว่าคุณภรรยาของพี่มอสเก่งมากเรื่องจิตวิทยาเด็ก พอมีน้องอีกคนก็ต้องอธิบายให้น้องโสนฟังอีกว่าวิธีการที่จะอยู่กับน้อง รักน้อง?

มอส : “อย่างอันนี้มันก็เป็นเคสแบบเราจะดูแลคนโตยังไง เมื่อมีน้องคนเล็ก พอมีน้องคนเล็กเขาจะบอกว่าเดี๋ยวคนโตจะอิจฉา โอเค อันนี้ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่เราต้องดูแลคนโต เราจะต้องให้เขาดูแลน้อง สมมติว่าน้องคลอดมา หรือว่าน้องจะอาบน้ำ เป็นคนเปิดน้ำอุ่นให้น้องนะ พอเขาได้รับหน้าที่ปุ๊บ แสดงว่านั่นเขาต้องดูแลน้อง เขาจะรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งด้วย

เลี้ยงด้วยวิธีนี้ได้ผลมากเลย จนสุดท้ายคุณโสนมีความยอมน้องโดยอัตโนมัติ แล้วแม่ก็ไม่โอเค?

มอส : “ก็มีบางอย่างที่เราต้องสอนเขา ถ้ามีบางอย่างที่อยู่ในกฎเราก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์มัน ไม่ต้องยอมขนาดนั้นก็ได้”

มีการทะเลาะกับคุณเกมเรื่องการพูดจากับลูกด้วย?

มอส : “วิธีการปกครองในครอบครัว พ่อกับแม่ต้องไปทางเดียวกัน เพราะว่าไม่งั้นกฎในบ้านมันจะสับสน”

สองคนนี้ตลอดเวลาที่คบกันมา 20 ปี เราจะได้ยินแต่ข่าวหวานๆ มีทะเลาะกันบ้างไหม?

มอส : “มีเวลาไปเที่ยว สมมติไปญี่ปุ่น พี่ว่าร้านนี้โอเค พี่หามาแล้ว 5 ดาว นั่งไปปุ๊บ เห้ย…มันมีร้านอร่อยกว่านี้เปลี่ยนๆ ก็ขับไปขับมา จาก 11.30 น.คิดว่าน่าจะไปถึงร้านเที่ยง ล่อไปบ่ายละ เกมก็เริ่มแบบเอาร้านไหนก็ได้พี่ ลูกหิวแล้ว พี่ก็เข้าร้านนี้เลย สุดท้ายก็ไม่อร่อย”

ย้อนกลับไปนิดนึง ตอนเจอกันแรกๆ ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้?

มอส : “ก็เป็นพีอาร์ในค่าย ตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยได้เจอกัน พอเจอกันปุ๊บในใจก็เอ๊ะยังไง แต่หลังจากนั้นพอเจอกันบ่อยๆ เริ่มรู้สึกทำไมคนนี้ทำให้เราหัวใจเต้นแรง ปกติไม่เคยมี คือมานั่งคิด ถามตัวเองเลย ถ้าปล่อยไป หรือปล่อยใจไปนี่ยุ่งแน่เลย”

สมัยนั้นศิลปินกับพีอาร์ที่ทำงานในค่ายไม่ควรจะคบกัน?

มอส : “คือตอนนั้นมันเป็นยุคที่แบบไอดอล มันเปิดเผยไม่ได้ คือเป็นยุคนั้น”

แล้วตอนนัดกัน นัดที่บันไดหนีไฟ พี่พูดว่ายังไง?

มอส : “วันนั้นพี่มีงานที่ต้องเข้าตึกพอดี ต้องไปสถานีวิทยุ คราวนี้เราอยู่ชั้น 38 แล้วเกมทำงานอยู่ชั้น 39 เราก็บอกว่าเกมเดี๋ยวพี่เข้าตึกนะ พี่ซื้อลูกชิ้นมาฝาก เขาก็บอกว่าพี่ก็ให้ผู้จัดการเอามาให้สิ เราก็บอกว่าอยากเจอ เขาก็ถามว่าเจอกันที่ไหน ทำงานกันอยู่ พี่ก็เลยบอกว่าเอางี้ เกมเดินลงมา เดี๋ยวพี่เดินขึ้นไป เราเจอกันตรงกลางบันได

เห็นว่าพี่มอสใช้อำนาจหน้าที่ในการจีบคุณเกม บอกว่าถ้าไม่ได้พีอาร์คนนี้ผมไม่ทำงานนะครับ?

มอส : “ตอนนั้นยังไม่ได้เบอร์โทรศัพท์ แล้วยังไม่ได้คุยกัน เรารู้สึกว่าอยากเจอคนนี้ เราก็บอกหัวหน้างานเขา ถ้าเกิดมีงานพีอาร์แล้วเอาผมไป ขอเป็นเกมคนเดียว”

ข่าวนี้มันดังสะพัดแกรมมี่ไหม?

มอส : “คือพี่ที่เป็นหัวหน้างานเขาก็รู้นิดๆ เขาก็บอกว่าโอเคๆ เดี๋ยวพี่บอกให้ เสร็จปุ๊บมีงานนึงที่พี่ต้องไป แล้วมีพีอาร์คนไหนก็ไม่รู้นั่งรถตู้มารับพี่ พี่ก็ไม่ลงจากบ้าน พี่ก็โทรไปทำไมไม่ใช่เกม ผมไม่ไป จนเคลียร์กันแบบ… คือมันเป็นวิธีเดียวที่ทำให้พี่ได้เจอเขา”

พอถึงตอนเปิดตัวนึกยังไง?

มอส : “ตอนนั้นมีปาปารัสซี่ ช่วงอั้ม พัชราภา พอดี มีหนังสือตาม พอเปิดตัวคนยิ่งโอเค ดูเป็นผู้ชายแบบมีแฟน พี่ก็แบบได้เหรอ พี่ก็เปิดเลย”

พี่หลบๆ ซ่อนๆ นานแค่ไหน?

มอส : “ก็ประมาณ 5 ปี แต่พ่อ แม่ เขารับรู้นะ เราก็โอเคละสบายใจ”

พี่มอสได้ฉายามาว่า ปฏิภาณ การละคร คืออะไร?

มอส : “ผู้หญิงเขาก็ถามนะ พี่มอสตกลงจะยังไง มันจะ 10 ปีแล้ว แล้วพ่อ แม่ เขาก็ถามแล้วว่าตกลงพี่มอสจะแต่งงานไหม แล้วเราก็มีเป้าหมายของเรา ว่าเราจะเซอร์ไพรส์เขา แล้วเราก็ไม่บอกใคร เราก็เลยเซอร์ไพรส์เขาขอแต่งงาน ปิดโรงหนัง แล้วก็เอาผู้กำกับ เอาทีมงานมาตั้งกล้องถ่าย บอกเขาว่ามีผู้กำกับจากฮอลลีวูดเอาหนังมาให้พี่ดู เขาอยากให้พี่เล่นหนังเขา ไปดูกับพี่หน่อยว่าหนังเขาดีไหม แล้วพี่ก็บอกว่าขอไปห้องน้ำ แล้วพี่ก็ไปเอาดอกไม้มาเปิดไฟ แล้วเขาร้องไห้ ช็อตนี้ที่ต้องการ”

ทุกวันนี้ยังคิดถึงคุณแม่มากๆ เลย?

มอส : “ก็คิดถึง แต่ก็หลายปีละนะ 6-7 ปีแล้วที่แม่เสียไป เสียดายที่ไม่ได้เห็นลูกคนเล็ก”

คุณแม่เสียเพราะอะไร?

มอส : “เป็นมะเร็งที่ปอดครับ ณ ตอนที่ตรวจเจอหมอบอกว่าคุณแม่จะอยู่ได้อีกประมาณปีครึ่ง ไม่เกิน 2 ปี แต่แม่ก็อยู่มาได้ 5 ปี ทั้งหมดเกือบ 8 ปี หลังจากที่เรารู้ปุ๊บ เราไม่สบายใจ ไม่อยากทำงาน บวชให้แม่ วันที่แม่เกาะชายผ้าเหลืองคือแม่หน้าแบบผ่อง ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป แล้วเขาก็อยู่กับเรามา 7-8 ปี เราก็ดีใจมากๆ ที่แม่อยู่กับเราได้นานขนาดนี้”

สุดท้ายได้เห็นหน้าหลานคนแรก?

มอส : “ใช่ รักโสนมาก”

ช่วงเวลาท้ายๆ จำได้ไหมว่าคุยอะไรกับคุณแม่บ้าง?

มอส : “เราก็ดูแลคุณแม่สัก 10 วัน ตอนที่คุณแม่เข้าโรงพยาบาล เราก็คุยปกติ ถามแม่ว่าเป็นยังไง มีอย่างเดียวเอง แม่บอกว่าดูแลโสนให้ดี เพราะโสนเป็นเหมือนเด็กหัวอ่อน เขาก็เป็นห่วง ก็มีแค่นี้”

ไม่ห่างจากแม่เลย?

มอส : “มันก็มีสัญญาณต่างๆ ที่คุณหมอบอกมาว่าแม่เนี่ย ระบบต่างๆ ไต ม้าม หรืออะไรต่างๆ ไม่ทำงาน ค่าตับ ค่าเกร็ดเลือดมันลงหมด พอหมออธิบายแบบนี้เราก็เริ่มที่จะอยู่กับแม่ ถึงแม้ว่าแม่จะพูดอะไรไม่ได้ แต่เราก็บอกว่า แม่วันนี้อยู่นะ วันนี้มอสกินอันนี้ที่แม่เคยทำให้กินด้วย เราก็คุยไปเรื่อยๆ วันสุดท้ายท่านไปอย่างสงบ ไม่มีอะไรต้องทรมาน”

ในชีวิตเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้พี่มอสเสียน้ำตาบ้างไหม?

มอส : “มีแม่เสียนี่แหละ คือเป็นความหวังของผมที่ทำงานหนัก และเหนื่อยมาเป็นเวลา 20 กว่าปี เพื่อแม่คนเดียวเลย”

เห็นบอกว่าตอนที่คุณแม่ท่านจากไปแล้ว มีบางช่วงท่านกลับมาหาน้องโสนด้วย?

มอส : “น่าจะเป็น 2 วัน หลังจากวันเผา คือเรานอนด้วยกัน 3 คน โสนก็บอกว่าเมื่อกี้หนูเห็นคุณย่ามาหาหนู”

ถ้าคุณแม่อยู่อยากจะพูดอะไรกับคุณแม่?

มอส : “อยากจะบอกว่าคนที่2 เหมือนมอสเลย แต่เป็นในร่างของเด็กผู้หญิง ไม่ต้องห่วง วันนี้แม่จะอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ไม่ต้องห่วงโสน ไม่ต้องห่วงสวรรค์ มอสดูแลทุกอย่าง อย่างที่แม่สั่งเอาไว้ รวมไปถึงทุกๆ คนที่แม่เป็นห่วงด้วย รักแม่ที่สุดครับ”

แล้วอยากบอกอะไรกับผู้หญิง 3 คนบ้าง คุณเกม น้องโสน น้องสวรรค์ บ้าง?

มอส : “กลัวแล้วจ้า จริงๆ ก็ขอบคุณที่ดูแลลูกทั้งสองคนเป็นอย่างดี เราก็อยู่กันไปอย่างนี้แหละ ไม่ต้องรวยล้นฟ้า ไม่ต้องมีความสุขที่สุด แต่อยู่กันไปแบบครอบครัวปฐวีกานต์แบบนี้”

ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama