“ปั้นจั่น ปรมะ” ขอเดินตามฝัน เปิดใจคิดหันหลังให้วงการ คนรอบข้างห่วงตัดสินใจผิด

เป็นพระเอกที่ฮอตสุดๆ ในช่วงที่ผ่านมา สำหรับหนุ่ม ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย อดีตบอยแบนด์ที่เดินทางในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน และดังแบบพลุแตกในบท “ขุนเรือง” จากละคร “บุพเพสันนิวาส” ขึ้นแท่นหนุ่มที่สาวๆ กรี๊ดทั่วบ้านทั่วเมืองและมีผลงานออกมาอย่างไม่ขาดสาย อย่างล่าสุดเจ้าตัวก็กำลังมีผลงานละครอารมณ์ดี “ซ่อนกลิ่น” ทางช่อง 3 โคจรมาร่วมงานกับนางเอกสาว พรีม รณิดา สนุกครบรสจนแฟนๆ ติดกันงอมแงม

และล่าสุดเมื่อ มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับหนุ่มคนนี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เลยต้องให้เจ้าตัวอัปเดตผลงานและชีวิตใตอนนี้ ที่จะเห็นว่าเจ้าตัวหันไปทุ่มเทให้กับกีฬากอล์ฟ จริงจังถึงขั้นตั้งเป้าเป็นนักกีฬาอาชีพ ทำให้หลายๆ คนอดห่วงไม่ได้ว่าเจ้าตัวจะหันหลังให้วงการอย่างถาวรแล้วไปเอาดีด้านกีฬาเลยหรือเปล่า

พร้อมกับพูดคุยเรื่องหวานๆ เปิดความรักกับสาวาวยดีไซน์เนอร์ ที่อายุห่างกันถึง 13 ปี แต่ก็ไม่มีปัญหาว่าหวานกันขนาดไหน

ละคร “ซ่อนกลิ่น” เรื่องนี้คาแร็กเตอร์เป็นยังไง และเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?

“เรื่องนี้จะเกี่ยวกับความเชื่อของคน เรื่องของการมูเตลู แล้วก็มีเรื่องของการสืบสวนคดีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่จะไม่ใช่ละครผีนะนะครับ เป็นละครโรแมนติกคอมมาดี้ ภาพสวยจะออกเหมือนภาพยนตร์เล็กน้อย มุมภาพสวย รวมทั้งเดินเรื่องได้กระชับฉับไว”

“ส่วนคาแร็กเตอร์ของผมเองไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างเท่าไหร่ เป็นตำรวจปกติทั่วไป ในเรื่องคนที่คาแร็กเตอร์ต่างจากที่เขาเคยเล่นมามากๆ ก็น่าจะเป็นน้องพรีม นางเอกของเรา เขาไม่เคยเล่นบททะเล้นขนาดนี้เลย เรื่องนี้ผมมีโอกาสได้มาร่วมงานกับน้องพรีมเป็นเรื่องแรกด้วย สนุกมากครับ น้องพรีมเป็นนางเอกที่เรารู้สึกว่าทำงานด้วยง่าย เขาเป็นตัวของตัวเอง จริงๆ พรีมเป็นคนตลกคนนึง ได้ทำงานกับเขาก็ได้เห็นความทะเล้นของเขาเรื่อยๆ สนุกครับ”

“ในเรื่องความคอมมาดี้ในบทของผมก็จะมีบ้างเวล่าเข้ากับนางเอก นักแสดงรายล้อมรอบๆ ตัวผมจะมีแต่พี่ๆ นักแสดงตลก ตบมุกกันโบ๊ะบ๊ะหมดเลย แต่ตัวคาแร็กเตอร์ผมเองจะไม่ได้ตลกขนาดนั้น ที่จริงอยากตลกมาก แต่ถ้าตลกมากไปเดี๋ยวจะไม่เป็นพระเอก (หัวเราะ)”

ทำไมผู้ชมต้องห้ามพลาดละครเรื่องนี้?

“ที่ห้ามพลาดเลยเพราะผมว่าเรื่องนี้เป็นละครที่เป็นเรื่องราวที่อยู่ในกระแสสังคมตลอดเวลา ในเรื่องของการเล่นหวย เรื่องความเชื่อ เรื่องผี ยิ่งตอนนี้เรื่องผี การสืบคดีจากผี จากศพอะไรแบบนี้มาแรงมากันก็จะค่อนข้างเข้าถึงได้ค่อนข้างดีครับ แล้วก็เรื่องความเชื่อในสังคมไทยมันก็มีมาตลอดนะ ละครเรื่องนี้ก็เล่นกับความเชื่อเหมือนกันเลยอาจจะทำให้ผู้ชมเข้าใจง่าย รวมทั้งเป็นละครสนุก ผีออกกลางวัน มีซีจีเยอะและสวย ผมว่าเรื่องนี้เป็นละครที่โดยรวมแล้ว สนุก ตลก และให้ความสุขได้ดีแน่นอนครับผม”

ปั้นจั่น จากละคร ซ่อนกลิ่น

ถามถึงเรื่องกีฬากอล์ฟ ที่ทุ่มเทมากๆ ตอนนี้พัฒนาไปถึงไหนแล้ว?

“ผมก็ได้ไปแข่งในแมชต์อาชีพมาค่อนข้างเยอะนะครับ ได้มีโอกาสรู้จักกับโปรกอล์ฟหลายๆ คน ผมเองก็มีความตั้งใจว่าอยากจะพัฒนาตัวเองไปให้ถึงการเป็นนักกอล์ฟอาชีพแล้วก็ได้แข่งขันกีฬากอล์ฟเป็นหลักในการทำงานของตัวเอง ยังมีแพชชั่นตรงนั้นและอยากทำมันอย่างจริงจัง”

แบ่งเวลายังไง ระหว่างสองเส้นทาง กอล์ฟ และ งานในวงการบันเทิง?

“ณ วันนี้การถ่ายละครยังมีช่วงคาบเกี่ยวอยู่บ้าง แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เราอาจจะไม่ได้ถ่ายละครทุกวันเหมือนเมื่อก่อน วันไหนที่ผมว่างจากการถ่ายละครผมก็จะไปซ้อมกีฬาแล้วก็มีการขอล็อกคิวละคร คิวรายการไว้ล่วงหน้า ถ้าผมปิดจ็อบทุกอย่างหมดแล้ว ต่อไปก็คงรับละครทีละเรื่อง เพื่อที่จะได้มีเวลาซ้อมกีฬามากขึ้น ทางหน้าจออาจจะไม่ได้รับเยอะหรือถี่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว จะเรียกว่าจริงจังทางกอล์ฟเลยไหมก็จริงจัง แต่ว่างานละครก็ยังคงเป็นรายได้หลัก ที่เรายังทำอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ทำเยอะเท่าเดิม”

“ในสายกีฬาถ้าถามถึงความพัฒนาที่ผมมองตัวเอง ผมมองว่าในทุกแมชต์มันให้ประสบการณ์กับเรา แต่ถามว่าดีพอหรือยังผมยังต้องฝึกฝน และหาประสบการณ์อีกค่อนข้างเยอะครับ ณ วันนี้ความตั้งใจ ความมุ่งมั่นของผมมีแน่นอน มีมากๆ แต่ว่าถ้าให้ประเมินผมว่ายังไม่ดีพอที่จะไปเล่นอาชีพครับ เราปรึกษาผู้ใหญ่ และทีมโค้ชแล้ว คือ เราต้องให้เวลากับมัน ผมเข้ามาจริงจังในวงการนี้เกือบ 2 ปีแล้ว อายุของการเล่นกีฬากอล์ฟมันค่อนข้างยาวกว่ากีฬาอื่นๆ ผมเลยมีเวลาที่จะพัฒนาตัวเอง ทุกอย่างอยู่ที่การฝึกซ้อมเลยจริงๆ ครับ”

“จริงๆ ผมมีแพชชั่นด้านกีฬามานานแล้ว ก่อนเรื่องบุพเพฯ จะออน ตอนนั้นผมก็เหมือนจะไปเล่นกอล์ฟมาซักพักนึงละ แต่ตอนนั้นละครดันดังซะก่อน (หัวเราะ) ก็เลยเป็นช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวรับงาน ก็เลยยังไม่ได้ไปทางนั้น แต่นับเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก เพราะช่วงนั้นผมได้เก็บเงินปูพื้นฐานของตัวเองไว้ค่อนข้างโอเคในแบบที่เราพอใจแล้วจนวันนึงเราสามารถไปทำในสิ่งที่เราฝันได้ และผมอยู่กับมันแล้วผมมีความสุขมากๆ เลยรู้สึกว่าผมน่าจะลองไปทำตรงนั้นนะ เพราะผมทำแล้วมีความสุขจริงๆ อยู่กับมันได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย”

มีโอกาสไปทางกีฬาเต็มตัวและหันหลังให้วงการบันเทิงเลยไหม?

มันก็มีความคิดครับ เพราะจริงๆ ที่ผมตั้งใจทำก็เพื่ออยากให้สำเร็จจริงๆ ผมอยากไปยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ แต่ก็เป็นอะไรที่ยากมาก หลายคนค่อนข้างกังวลกับสิ่งที่ผมคิด หลายคนห่วงกลัวเราจะตัดสินใจผิด แต่มันเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถบอกใครได้จริงๆ ผมเข้าใจคนที่เป็นห่วง เขาอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ แต่ผมไม่ได้เอาอะไรมาเป็นข้อตัดสินว่าผมจะเลือกอะไร แต่ผมรู้สึกว่า ณ วันนี้ผมมีความสุขที่ได้ทำมัน ผมก็เลยยังทำมันอยู่โดยที่ในทุกๆ วันมันมีแต่ความตั้งใจที่เพิ่มขึ้นครับ ยังไม่เคยรู้สึกท้อแท้เลย ก็เลยคิดว่าคนอื่นไม่ควรจะต้องกังวลแทนผม หรือมานั่งห่วงผมสักเท่าไหร่ ผมก็ดีใจนะครับที่เขาเป็นห่วงเรา แต่ก็ต้องบอกว่าเรายอมรับกับผลที่มันจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะสำเร็จ หรือ ไม่สำเร็จก็ตาม ผมมีความสุขที่ได้ทำและได้เดินทางนี้ ต่อให้จะไม่สำเร็จผมก็ได้พิสูจน์ว่าทำเต็มที่แล้วครับ”

ปั้นจั่น ปรมะ

โชคดีที่คนข้างกายอย่างหวานใจสาวเข้าใจและคอยให้กำลังใจเสมอ อัปเดตความรักตอนนี้ให้ฟังหน่อย

“ความรักตอนนี้ก็ไม่เชิงว่าหวานมากหรอกครับ เราก็มีโมเมนต์เหมือทุกคู่ทั่วไป มีทะเลาะกัน พ่อแง่แม่งอนบ้างแต่ไม่ได้โพสต์ลงโซเชียล ทำให้คนอาจจะไม่ได้เห็นมุมนั้นของพวกเรา น้องเขาเคยทำงานเป็นนางแบบมาบ้าง แต่ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับเสื้อผ้าเป็นดีไซน์เนอร์ แล้วก็กำลังจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ”

ชอบอะไรในตัวสาวคนนี้?

“ผมชอบที่เขาชอบผม (หัวเราะ) เขาชอบที่ผมเป็นผม แบบนี้ เขาเป็นคนที่ง่ายๆ อยู่ง่าย กินง่าย มันคือพื้นฐานของคนที่จะมาอยู่ข้างผม กินง่ายอยู่ง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ แล้วก็ชอบที่เขาเป็นคนมีความฝันของตัวเองชัดเจน และเขาอยากซัพพอร์ตในสิ่งที่ผมฝัน ส่วนผมก็ซัพพอร์ตในสิ่งที่เขาฝันเช่นกัน เราคุยกันไว้ว่าเราจะอยู่ข้างๆ กันจนแต่ละคนทำความฝันของตัวเองได้สำเร็จ เป็นความรู้สึกและกำลังใจดีๆ ที่คนสองคนมีให้กัน สิ่งนี้ยิ่งทำให้ผมมีกำลังใจที่จะทำอะไรหลายๆ อย่างในชีวิต แล้วก็ทำให้เราอยู่กันได้ รักกันดี ถึงจะมีทะเลาะกันบ้างก็เป็นเรื่องเล็กๆ เรื่องติ๊งต๊องที่เราต้องเรียนรู้กันไป”

อายุ ห่างกันถึง 13 ปี มีผลอะไรต่อคามสัมพันธ์ไหม?

“เรื่องความห่างของอายุผมว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมเองโตกว่าเขาค่อนข้างเยอะก็จริง แต่ผมก็ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ไปซะทุกเรื่อง อะไรที่เขาไม่รู้ ไม่เคยผ่านมาบางทีผมก็เล่าประสบการณ์ที่ผมเคยเจอให้เขาฟังและให้เขาไปตัดสินใจเอง จะเป็นการเตือนเขามากกว่า ให้เขาพิจารณาและระวัง แต่จะไม่ไปบอกว่าเขาต้องทำอะไร เราไม่ได้อยากจะควบคุมเขา เดี๋ยวเขาต้องไปเรียนเมืองนอก ผมก็เป็นห่วงเขาแต่เราก็ต้องซัพพอร์ต เขาเองบอกว่าอยากไป 2 ปี เพราะกลัวเราจะห่างกันนาน แต่เราก็บอกเขาว่า อยากไปเรียน 4 ปี ก็ไปเลย ถ้าวันนึงย้อนกลับมาแล้วกลายเป็นว่าน้องไม่ได้ไปเพราะว่า ผมเป็นคนบอกว่าอย่าไปเลย 4 ปี มันจะน่าเสียดาย ต้องไปให้รู้ไปเลยว่าเราจะได้อะไรกลับมา วันนึงถ้าอะไรจะเกิดขึ้นก็คงเป็นเรืองของโชคชะตาด้วย ถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันผมก็อาจจะเสียใจ แต่ว่าเราเข้าใจทุกอย่างเพราะเราโตแล้ว”

ปั้นจั่นและหวานใจสาว

“ถามว่าแอบหวั่นๆ ไหมที่ต้องห่างกัน ผมว่ามันก็มีเป็นเรื่องธรรมดา เราทั้งคู่ก็หวั่นกันทั้งคู่แหละ แต่มันก็จะเป็นอีกเหตุการณ์นึงที่จะพิสูจน์ว่าถ้าเราผ่านมันไปได้ คราวนี้อะไรก็คงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเราแล้ว”

“น้องเขาอาจจะยังเด็กแต่ความคิดเขาค่อนข้างโต จะมีความเป็นเด็กในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง (หัวเราะ)”

ในไอจีน้องมีมุมเซ็กซี่เยอะเหมือนกัน เราหวงหรือเปล่า?

“ไม่หรอกครับ แต่ก็บอกว่าให้เพลาๆ ลง (หัวเราะ) ไม่ได้หวงอะไรนะ แต่ว่าพอเขามาคบกับผม เขาก็กลายเป็นคนในสปอตไลท์ไปด้วย ผมกลัวเรื่องคำวิจารณ์มากกว่าถ้ามันไปในทางลบแล้วคนเราเจอบ่อยๆ อาจจะหวั่นไหว หรือเสียใจได้ ก็เลยบอกให้เบาๆ ลง ให้ระมัดระวังไว้ก่อน ไม่ได้หวง ไม่ได้บอกว่าจะให้ถ่ายหรือไม่ให้ถ่ายแต่เป็นการระวังมากกว่า”

เขารู้สึกไม่ชินกับการถูกพูดถึง หรือ เป็นที่จับตามองไหม?

“ก็มีบ้างครับ ผมก็พยายามบอกเขาว่าให้ปล่อยผ่านไป แต่น้องเขาก็เข้าใจ ไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจแหละ (หัวเราะ) ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องทำใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นครับ”

มุมมองความรักของเราในวัยนี้เป็นแบบไหน?

“มันเรียบง่ายมากขึ้น ไม่คิดว่ามันต้องทำความเข้าใจอะไรมากมาย ความรักถ้าเรามองมันง่ายๆ มันก็ง่าย ถ้ามองให้มันลึกซึ้งหรือยากมันก็เป็นไปตามนั้นแหละ มันก็แค่แบ่งรับแบ่งสู้กันไป ถ้าความรักยังสำคัญ หรือ เรายังรักกันมากอยู่อะไรมันก็อยู่ได้ แบบถ้ารักกันระยะทางก็แค่หน้าปากซอย (หัวเราะ) ถ้ายังรักกันอยู่อะไรก็ทำให้ได้ ทำไปบ่นไปมันก็ยังทำ ก็ยังคือรัก สำหรับผมความรักไม่ได้ต้องหวือหวาอะไรมาก คนรักกันแค่มีความเข้าใจ ไม่ต้องพยายามสร้างอะไรเพื่อให้คนอื่นเห็น ผมก็บอกเขาเหมือนกันว่าเราอยู่กันแบบนี้นะ เงียบๆ สบายๆ”

มองเรื่องการแต่งงานยังไงบ้าง?

“มันจะสำคัญหรือไม่สำคัญก็ได้นะ ตัวผมเองยังไงก็ได้แล้วแต่คนที่อยู่ข้างๆ ผม ผมเฉยๆ มากเลย แต่ผมก็ไม่รู้อนาคตนะว่าจะเป็นยังไง ถ้าคนข้างๆ เขามองว่าสำคัญผมก็โอเคผมก็ต้องทำให้เป็นกิจจะลักษณะ เพราะสุดท้ายถ้ารักกันจะแต่งหรือไม่แต่งก็อยู่ด้วยกันอยู่ดี”

สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ และผู้ชมบ้าง?

“ขอบคุณแฟนๆ นะครับ ฝากละครของผมด้วย หวังว่าทุกคนตอนนี้จะปลอดภัย รักษาสุขภาพกันให้ดีนะครับ ขอบคุณมากที่คอยให้กำลังใจกันตลอด บางคนอาจจะหายหน้าหายตาไปบ้างก็ไม่เป็นไรเข้าใจว่าทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ว่ายังแวะมากดหัวใจให้ในไอจีผมเห็นนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ”