“ทนายตั้ม-บีม ศรัณยู” เผยข้อมูลใหม่ร่วมไขปริศนา “แตงโม นิดา” พลัดตกเรือเสียชีวิต

ยังคงตามติดประเด็นนักแสดงสาว แตงโม นิดา พลัดตกเรือสปีดโบ๊ทเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งจนมาถึงตอนนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าสาเหตุที่นักแสดงสาวพลัดตกแม่น้ำเจ้าพระยาเพราะไปปัสสาวะที่ท้ายเรืออย่างที่เพื่อนๆ ทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือบอกหรือเปล่า อีกทั้งคดีนี้ยังมีประเด็นใหม่ๆ ให้ได้ติดตามทุกวัน

ล่าสุด ทนายตั้ม ษิทรา และ บีม ศรัณยู นักแสดงหนุ่มที่เป็นจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยค้นหาสาว แตงโม ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์, หนิง ปณิตา และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

พี่ชายแตงโมติดต่อมาว่ายังไง?

ทนายตั้ม : “วันนั้นเขาโทรมาอยากเจอผมให้เร็วที่สุด วันนั้นผมทำธุระกับผู้ใหญ่ ผมก็เลยบอกว่าผมอยู่ที่นี่ ถ้าอยากมาให้ตามมาเลย ครึ่งชั่วโมงเขาก็มาเลย เขาบอกว่าค่อนข้างที่จะเสียใจในการกระทำของคนคนหนึ่ง เขาอยากช่วยเหลือน้อง แล้วผมก็ถามเขาว่าต้องการอะไร ต้องการดงินหรือเปล่า หรือต้องการความยุติธรรม เขาบอกเงินเขาไม่คิดเลย เขาไม่อยากได้ ไม่อะไรทั้งนั้น ที่เขาต้องการ เขาต้องการตามหาความจริงว่าน้องเขาเสียชีวิตได้ยังไง”

วันนั้นได้ถามพี่ดายศไหม สิ่งที่คุณแม่ออกมาแถลงทั้งหมดในรายการพี่หนุ่ม กับสิ่งที่เขารู้สึกเนี่ยรู้สึกยังไงบ้าง?

ทนายตั้ม : “เขาไม่สบายใจมากกับสิ่งที่แม่เขาทำ แต่ว่าก็ยังเป็นแม่ เขาบอกตรงๆ ว่าไม่อยากพูดอะไรมาก ไม่อยากให้ทัวร์ไปลงแม่ แต่ตัวเขาติดใจและมีอะไรสงสัยหลายอย่าง แต่เขาไม่สามารถพูดได้ เำราะเหมือนคุณแม่ไม่ให้เขาทำอะไร เดี๋ยวคุณแม่จัดการเอง”

ที่พี่ดายศเขาติดใจ เขาติดใจประเด็นไหน?

ทนายตั้ม : “ติดใจการกระทำของเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องวันแถลงข่าว อันนี้อยากให้เขาพูดเองดีกว่า อย่างที่สองที่มันมีบาดแผลของน้องว่าตกลงโดนอะไรกันแน่ แล้วโดนจุดไหน ซึ่งตรงนี้เขาคิดว่ามันยังไม่เคลียร์”

ข้อมูลที่คุณดายศให้เรา มันสามารถทำให้เคสนี้คืบหน้าไปได้ไหม?

ทนายตั้ม : “ต้องบอกว่าพี่ของน้องถึงแม้ว่าจะมีแม่เขาอยู่ แต่ว่าเขาสูญเสียน้องไป เขาสามารถตามหาความยุติธรรมได้ ในคดีอาญาเขาก็มีสิทธิที่จะไปดำเนินการต่อได้”

เท่าที่คุยกันพี่ชายเขายังติดใจเรื่องอะไรบ้าง?

ทนานตั้ม : “อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าเรื่องนี้ไม่รู้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือเป็นมากกว่านั้น เขาก็อยากให้ตำรวจออกมาพูดหรือว่าอะไรที่มันทำให้คลายสงสัย ก่อนหน้าตัวเขาไม่ได้ไปคุยกับตำรวจอะไรมาก แต่ว่าวันนี้เดี๋ยวเขาจะออกมาแล้ว เดี๋ยวคงจะมีการติดตามเรื่องราวแล้วแหละว่าจะเป็นยังไงต่อไป”

เห็นว่ามีการนัดเจ้าหน้าที่พรุ่งนี้?

ทนายตั้ม : “ใช่ครับ”

ทนายตั้มได้มีการถามพี่ชายไหมว่าจริงๆ ครอบครัวสนิทกันขนาดไหน?

ทนายตั้ม : “เขาก็บอกคร่าวๆ ว่าน้องแตงโมอยู่กับพ่อมาตลอด เหมือนกับเพิ่งมาคุยกับคุณแม่ช่วงหลังๆ นี้ แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีอะไรสนิทสนมกันมาก”

มันมีหลายคนฝากคำถามนี้มา หลังจากน้องเสียแล้ว คุณแม่มีการเข้าไปที่บ้าน แล้วมีดาราบางท่านโพสต์ว่าคุณแม่ไปเอาของแตงโมออกมาขาย อันนี้ได้มีการถามกันไหม?

ทนายตั้ม : “จริงๆ ผมก็ทราบข่าวมาตั้งแต่ต้นๆ เลย ก็มีเพื่อนของน้องมาพูดให้ฟังว่า มันมีการเอากระเป๋าไปขาย น้องบอกสิทธิ์ก่อน พอน้องเสียชีวิตเนี่ยทรัพย์สินหรือมรดกมันก็ตกไปอยู่ที่ทายาท คุณแม่คือทายาท เขาก็มีสิทธิ์ เพียงแต่ว่าตอนนี้สังคมคงคิดกันว่ามันยังไม่ถึงเวลาหรือเปล่า เรายังไม่รู้สาเหตุ”

ตอนนี้พยายามจัดการตัวเองเป็นเจ้าของมรดก แล้วตัวคุณแตงโมก็มีข้อมูลเผยว่ามีหนี้สินของเขาอยู่ ถ้าคุณแม่จะเข้าไปจัดการเขาต้องรับผิดชอบหนี้ด้วยไหม?

ทนายตั้ม : “คนที่มารับมรดก ต้องรับทั้งทรัพย์สินและหนี้สินด้วยนะ”

อันนี้แม่เขาทราบไหม?

ทนายตั้ม : “ป่านนี้คงทราบแล้วครับ เพียงแค่ว่าถ้าหนี้สินเยอะกว่าเรารับผิดชอบแค่ที่มีเท่านั้นเอง”

30 ล้านพอไหม?

ทนายตั้ม : “น้องแตงโมคงไม่มีหนี้สินเยอะขนาดนั้น น่าจะพอ”

มันไม่ผิดใช่ไหมที่แม่มาเอาของแตงโม หลังจากที่แตงโมเสียชีวิตไป?

ทนายตั้ม : “ตามกฎหมายยังไงเขาก็เป็นทายาทอยู่แล้ว ที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ว่ามันเร็วไปหรือเปล่า ยังไงถ้าช้ากว่านี้ก็ได้”

ตอนที่ได้คุยกับพี่ชายแตงโมเขาเชื่อไหมว่าเป็นอุบัติเหตุ?

ทนายตั้ม : “เขาก็พูดยากนะ ตัวคุณดายศเขายังไม่มองไปถึงขนาดนั้นหรอกว่าจะมากกว่าอุบัติเหตุ เพียงแต่ว่าเขาอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอะไรให้ถี่ถ้วนก่อน ก่อนแถลงอะไรออกไป”

บีม : “ตอนที่ผมนั่งคุยกับกระติกที่อยู่ริมท่าเรือ เขาบอกว่าเขาไม่รู้เลยว่าโมมีพี่ชาย กระติกพูดขึ้นมา โมเพิ่งมาเปิดรับแม่หลังจากที่คุณพ่อเสีย แล้วก็มีไปเยี่ยมที่บ้านที่ภูเก็ต อันนี้กระติกเล่าให้ฟัง ไม่ทราบว่าจริงไม่จริง”

ถ้าคดีความมีการตัดสินว่ามีการประมาทร่วม กรณีที่คุณปอออกมาขอขมาเรียบร้อยแล้ว เขายังต้องจ่ายค่าเสียหายไหม?

ทนายตั้ม : “เรื่องประมาทมันร่วมกันไม่ได้ แต่ต่างคนต่างประมาทก็เลยร่วมกัน แต่ไม่ได้เจตนาร่วมกันในการทำประมาท การประมาทเกิดจากความไม่ตั้งใจ ถ้าท้ายที่สุดมันเป็นประมาทต้องรับผิดชอบเขาไหม ยังไงก็ต้องรับผิดชอบเพราะว่าเกิดจากความผิดของใคร คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ เพียงแต่ว่าจะได้ตามที่คุณแม่เรียกร้องหรือเปล่า เวลาเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมันเรียกได้ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง หรือเรียกไปพร้อมกันก็ได้ ในส่วนของคดีอาญาถ้าไม่อยากติดคุก ติดตาราง เขาก็สามารถชดใช้ค่าเสียหายจนผู้เสียหายเป็นทั้พอใจแล้ว แล้วผู้เสียหายไม่คิดใจทั้งอาญาทั้งแพ่งอีก ส่วนมากจะจบในส่วนของแพ่ง ส่วนอาญาจะอยู่ในดุลพินิจของศาล”

มีคนบอกว่าถ้าคุณแม่ใจเย็นกว่านี้ บางทีคุณแม่อาจจะเรียกร้องค่าเสียหายได้มากกว่า 30 ล้านด้วยซ้ำ?

ทนายตั้ม : “มันต้ององค์ประกอบหลายอย่าง อย่างของน้องแตงโมเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง รายได้เข้ามาก็เยอะ สมมติว่าถ้าน้องอยู่แม่ก็ควรจะได้เยอะ แต่อย่างที่ทุกคนรู้เพียงแค่เรียกตัวเลขเร็วไป”

คุณแม่ให้อภัยปอกับโรเบิร์ต 100% ตัวพี่ชายให้อภัยไหม?

ทนายตั้ม : “พี่ชายไม่ให้อภัยเลย คือเขาอยากรู้ความจริงก่อนว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไง พี่ชายคงจะไม่รับไปให้อภัยใคร เพราะยังไม่รู้เลยว่าใครทำแล้วเพราะสาเหตุอะไรกันแน่”

สรุปความสัมพันธ์ของแม่และพี่ชายเป็นยังไง เท่าที่ทนายตั้มประเมิน?

ทนายตั้ม :”เท่าที่รู้เขาเล่าให้ผมฟังว่า แม่พูดอะไรมาเขาต้องตามตลอด แต่ตอนนี้เขาอยากจะมาทำเพื่อน้องแล้ว อาจจะขัดใจแม่บ้าง จริงๆ วันนี้เขามีจะต้องไปกับคุณแม่หลายรายการ จริงๆ เขาก็ไม่อยากให้คุณแม่เขาไปออกรายการเยอะ เพราะกลัวแม่จะทัวร์ลง แต่ว่าแม่เขาต้องการ เขาก็เลยห้ามอะไรไม่ได้”

ที่โพสต์ลงเรื่องของคนที่ชอบหยอดยา หมายถึงหยอดยาให้ผู้หญิงเคลิ้ม ทนายตั้มรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?

ทนายตั้ม : “มีคนนึงเป็นไฮโซเหมือนกันอยู่ในแวดวงนี้ เพื่อนเขาเล่าให้ฟัง แชทที่ปรากฎเนี่ย มันคือแชทที่ผมคุยกับไฮโซคนนี้ เขาก็เล่าให้ผมฟัง ผมบอกว่าขอหลักฐานหน่อย ขอคนที่เล่ามาเจอผมได้ไหม คนนั้นเขาเป็นเพื่อนกับคนที่ชอบหยอดแล้วกัน พอเขาเป็นเพื่อนกัน เขาก็ไม่กล้าที่จะมาเจอผม มันก็ทีการคุยกันได้เท่านี้ แต่ว่ามันเป็นพฤติกรรมในอดีตที่ผ่านมาว่าคนคนนี้ชอบเอายาไปหยอดให้สาว หลังจากที่ผมโพสต์ไป มันก็มีหลายคนที่ทักมา กลุ่มพริตตี้ กลุ่มอะไรพวกนี้ เขาก็มาแสดงความคิดเห็นในทำนองที่ว่าเห็นด้วย เขารู้จัก คือผมไม่ได้เอ่ยว่าเป็นใครนะครับ แต่เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับคดี”

ทนายตั้มเชื่อข้อมูลตรงนี้ได้ยังไง?

ทนายตั้ม : “คนที่บอกผม เป็นคนที่น่าดชื่อถือ แล้วเขาอยู่ในแวดวงนี้อยู่แล้วเขาไม่โกหกผมแน่นอน”

อย่างนี้มันสอดคล้องกับที่คนสงสัยไหมว่าถ้ามีการหยอดยาจริงก็เลยมีการทำลายหลักฐานโดยการทิ้งแก้วไวท์และขวดไวท์ลงน้ำ?

ทนายตั้ม : “อันนี้ไม่รู้ครับว่าจะยังไง”

บีม : “ทางกระติกบอกบีมว่าได้ทิ้งขวดไวท์ 2 ขวดลงน้ำเรียบร้อยแล้ว คือกระติกพูดตอนที่อยู่ท่าเรือ ช่วงตี 2 เกือบถึงตี 3 ที่มีคุณโบ TK อยู่ด้วย บอกว่าโยนขวดไวท์ทิ้งน้ำเรียบร้อยแล้ว 2 ขวด”

ตอนนั้นเขาบอกไหมว่าเขาทิ้งทำไม?

บีม : “ผมคิดว่าเขากลัวว่าเมาแล้วขับ คือเขาชี้นำมาว่าทุกคนแบบเมา เดี๋ยวโดนเรื่องแอลกอฮอล์ เราก็เออหวะ แต่ว่าเพื่อนตายมันเรื่องใหญ่กว่าแอลกอฮอล์อีก แอลกอฮอล์เขาไม่มานั่งสงสัยหรอก แบบเพื่อนเราเสียชีวิตช่วยด้วย คือเรียกว่าแสดงเจตจำนงและแสดงความรับผิดชอบตรงนี้สังคมไม่ได้มานั่งสงสัยหรอก แค่นี่คือพฤติการมันผิดไป”

วันที่เกิดเหตุคนในกลุ่มนั้นมีการติดต่อทนายตั้ม เพื่อให้รับทำคดีนี้ ทำไมถึงไม่รับ?

ทนายตั้ม : “อย่างเมื่อกี้ผมได้มีการโพสต์ไปคือน้องแตงโมเคยมาบ้านผม มาเจอลูกสาวแล้วไปทานข้าวกัน ส่วนนึงเราก็มีความผูกพันในระดับนึง แล้วก็ทางฝ่ายผู้ต้องหาเขาก็มีทนายความอยู่แล้ว ก็คือเหมือนกับมาฟังความเห็นผมว่าจะเป็นยังไงเท่านั้นเอง”

วงในบอกว่าเรื่องที่มีการโยนขวดไวท์ลง โยนแก้วลง จริงๆ ทนายตั้มแนะนำเขาว่าอย่าให้เกิดสาเหตุในเรื่องของการเมาเลย?

ทนายตั้ม : “ผมเพิ่งจะเจอเขาวันที่ 25 เหตุเกิดวันที่ 24 ก่อนนั้นยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยครับ”

ตอนที่บีมออกไปช่วยหา เห็นอะไรบ้าง?

บีม : “ตอนที่บีมไปถึงบีมเห็นเรือลำเกิดเหตุกำลังเทียบท่าพิบูลสงครามอยู่ แล้วบีมมากับภรรยาชาช่าเนี่ย แล้วมองขึ้นไปเห็นคนให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ แล้วหันไปเจอคุณปอ เราก็เอ้า…เรือพี่เหรอ บีมถามเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าโมไปฉี่ท้ายเรือแล้วตกเรือ วนหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เขาใช้คำพูดนี้ พูดย้ำๆ แบบนี้ 4 รอบ ตาเบิกโพรง พูดค่อนข้างตะกุตะกะ แต่เราก็ไม่ทราบหรอกว่าพี่เขาเมาหรือว่าไปทำอะไรมา เราก็โดนชี้นำว่าโมตกเรือ ด้วยนิสัยของโมที่เรารู้จักกันเป็นคนแบบห่ามๆ ลุยๆ เพราะกระติกยังพูดชี้นำอีกว่าโมเอ้ย พิเรนจริงๆ ไปเล่นอย่างนี้ เขาพูดชี้นำเรา เราก็ไม่ได้คิดว่าพวกเขาโกหกหรือเปล่า เพราะเราตั้งใจไปหาโม”

บีมได้เห็นเขาทิ้งขวดไวท์ไหม?

บีม : “บีมไม่ได้เห็นต่อหน้าครับ เป็นการเล่าอ้างจากกระติก แต่เจ้าหน้าที่เจ้าท่าเนี่ยเขามีภาพถ่ายที่เห็นขวดไวท์บนเรือด้วยนะครับ”

ภาพถ่ายบนเรือเห็นขวดไวท์แค่ขวดเดียว แล้วที่เหลือแก้วไวท์ไปไหนหมด?

บีม : “แก้วไวท์นี่บีมไม่ทราบ เพราะว่ากระติกบอกบีมว่าทิ้งขวดไปแล้ว 2 ขวด ไม่ได้พูดถึงแก้ว”

เรื่องนี้บีมได้ให้ปากคำกับตำรวจเรื่องนี้หรือยัง?

บีม : “มีครับ มีบอกทางสื่อทุกช่องอยู่แล้ว เรียกว่าหลักฐานตรงนี้เป็นข้อมูลประกอบในสำนวน”

ที่นักประดาน้ำเอาเครื่องโซนาร์ไปตรวจจับ ในถุงจริงๆ แล้วตอนนี้เจอยัง?

ทนายตั้ม : “เขาบอกว่าเจอแก้ว เจอขวดนะครับ แต่ว่ายังไม่ยืนยันว่าเจอจริงหรือเปล่า”

บีม : “จริงหรือครับ ผมอยู่แม่น้ำเจ้าพระยามาทั้งชีวิต มันหาขวดไวท์นี่เป็นไปไม่ได้เลย”

เขาบอกว่าเขาจะเอาวัตถุที่เขายกขึ้นมาไปตรวจ DNA ว่ามันตรงกันหรือเปล่า แต่บีมบอกว่ามันหายาก เราก็รู้สึกว่ามันหาไม่ง่ายขนาดนั้น?

บีม : “มันลอยหรือเปล่าครับ”

หลายคนสงสัยว่าเพิ่งมาตรวจ มางมหาตอนนี้มันช้าไปไหม?

ทนายตั้ม : “หลายๆ อย่างบอกตามตรงเลยว่าพยานหลักฐานมันต้องรีบหาตั้งแต่วันแรกๆ อย่างเรือลำเกิดเหตุก็เอาไปจำลองเหตุการณ์ แทนที่จะเก็บไว้แล้วมาตรวจทุกอย่างให้ดีว่ามีร่องรอย หรือมี DNA ใครตรงจุดไหน ยังไงบ้าง ปล้วหลังจากที่ผมออกไปพูดถึงเรื่องนี้ วันรุ่งขึ้นเพิ่งจะมีการเก็บเรือ ทั้งๆ ที่ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว”

หรือกรณีที่ไปงมหาแก้วหาขวดไวท์มันเป็นไปได้ไหมว่าบีมเองออกมาพูดว่ามันมีอันนี้เกิดขึ้นก็เลยไปงมสักหน่อย เพื่อไม่ให้ดูว่าไม่ตามหทข้อมูลหลักฐาน แล้วแม่น้ำเจ้าพระยา ทำไมหาง่ายๆ  ทำไมตอนแตงโมตกหายากๆ?

บีม : “พี่พูดซะตรงเลย จะตอบยังไง”

มันเป็นการวางแผนอะไรกันไว้ไหม ถามตรงๆ พอบีมออกมาพูดว่าเจอขวด ไปงม แป๊บเดียวเจอเลย?

บีม : “ผมว่ามันเป็นเรื่องยากมากเลยนะ เพราะว่าผมไม่ว่าจะกล้องอะไรตกน้ำมันไม่เคยได้ขึ้นมาเลยครับ หายไปกับสายน้ำ”

แต่เขาใช้เครื่องโซนาร์เลยนะ?

บีม : “อันนี้มันยากมากที่จะคอมเมนต์เลยครับ” 

ถ้าเคสนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องหยอดยา ในฐานะของคนใช้เรือเหมือนกัน ทำไมเขาต้องโยนขวด?

บีม : “กลัวเมา ถ้าสมมติเรานะคิดตื้นๆ เรากลัว ทำลายหลักฐานเดี๋ยวเห็นว่าเรามีแอลกอฮอล์ในร่างกาย แันนี้ตามสัญชาตญาณคนนะ อันนี้คือสิ่งที่บีมคิด
ทน่ยตั้ม : ก็คงกลัวเรื่องเมา แต่ว่าก็งงอยู่ถ้ากลัวแบบนั้นทำไมไม่ทิ้งให้หมดเลย ทำไมเหลือไว้ขวดนึง”

เขาบอกว่ากินไป 6 ขวด เหลือไว้ขวดนึงจะให้ดูว่ากินไม่เยอะหรือเปล่า?

ทนายตั้ม : “เหรอ”

ตอนนี้เขากลัวเรื่องเมา ถ้าสรุปเป็นเรื่องของเมาและประมาทเขาจะโดนอะไรบ้าง?

ทนายตั้ม : “มันไม่เหมือนรถ เรื่องเมาแล้วขับไม่มีในเรือ แต่ว่าประมาทศาลเขาใช้ดุลพินิจ ตอนแรกถ้ารับสารภาพก็ลงโทษสภานเบา แต่ถ้ามีเมาด้วยก็ลงโทษหนักขึ้นมาหน่อย”

กี่ปีหรือโดนปรับเท่าไหร่?

ทนายตั้ม : “ประมาทโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี”

ผมเพิ่งรู้ ถ้าอยู่บนเรือคำว่าเมาไม่มีความหมาย?

ทนายตั้ม : “ไม่มีเมาแล้วขับไง”

แต่มันเคยมีกฎหมายเดินเรือนะ เมื่อ 100 กว่าปี เอากฎหมายฉบับนั้นมาใช้ได้ไหม ที่บอกว่ามีโทษจำคุก 100 กว่าปีเหมือนกัน?

ทนายตั้ม : “มันคงยกเลิกไปแล้วมั้ง จำคุก 100 ปีสมัยนี้ไม่น่าจะมี”

บีม : “จริงๆ เรื่องนี้ คุณปอคำกล่าวอ้าง คือกัปตันที่ประจำให้เรือลำนั้น วันนั้นเขาไปซ่อมเรือให้บีมครับ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าคุณปอจะออก ช่างนัทที่เป็นช่างเรือบีม เป็นลูกมือช่วยซ่อมเรือแข่งบีม แล้วคุณปอออกเองโดยที่ไม่ได้บอก คือปกติเขาจะมีกัปตันให้อยู่แล้ว เรียกว่านายออกเอง ไม่มีประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญ และไม่มีใบขับขี่เรือด้วย”

ถ้าเกิดข้ามเรื่องประมาท เมาไป แล้วไปเจอเรื่องหยอดยาจริง อันนี้จะโดนอะไรบ้าง?

ทนายตั้ม : “อันนี้เรื่องยาวเลยครับ อันนี้มันอาจจะมีการข่มขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยว ตามมาอีกยาวเลย ถ้าเกิดมีเรื่องนี้ แล้วมันอาจจะไม่ใช่เรื่องประมาทแล้ว ถ้าตกไปเป็นเพราะ เป็นเจตนาหรือเจตนาประสงค์ต่อผล เล็งเห็นผลแล้ว”

คำถามคือถ้ามีการหยอดยาจริงๆ ตอนนี้จะพิสูจน์ที่ไหน?

ทนายตั้ม : “จริงๆ เขาสามารถตรวจพิสูจน์ได้ แต่ว่าเราต้องรอผลทางนั้นว่ามันมีสารอะไรเจือปนหรือเปล่า แล้วดูขวดที่งมมาเจอกับแก้วมันมีอะไรอีกหรอเปล่า”

ทนายตั้ม : “เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ดายศเขาจะมีการเคลื่อนไหวเรื่องนี้แล้ว ผมขอให้ติดตามกันก่อนดีกว่า”

ข่าวลือว่ามีผู้ใหญ่ระดับบิ๊กๆ เลย แล้วมีเศรษฐีระดับประเทศเลยมารออยู่ทางโรงแรม?

บีม : “ผมอาจจะไม่มีมูลก็ได้ มีผู้ใหญ่โทรมาเล่าให้ฟังเฉยๆ ว่าแบบอาจจะเป็นระดับบอส คือเป็นข้างในที่ทำงานราชการเล่าให้ฟัง อันนี้ก็เป็นข่าวลือเนาะ เป็นการประกอบการตัดสินใจและวิจารณญาณในคดีนี้”

มันแค่ข่าวลือ แต่มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ไหม?

ทนายตั้ม : “เรื่องนี้คนที่เปิดประเด็นมาคือ พ.ต.ท.สันธนะ ผมไม่อยากให้มองข้ามทุกประเด็น มันจะจริงหรือไม่จริงไม่รู้ให้ตำรวจสืบสวนดีกว่า”

วันนั้นที่เจอคุณกระติก เหมือนคุณกระติกชี้นำว่าโมเสียชีวิตตลอด?

บีม : “ครับ เขาบอกว่าโมตกน้ำเล่นพิเรนจริงๆ ไปฉี่ท้ายเรือ เขาบอกไม่น่าเลย แล้วภรรยาเราถามว่ามีลางบอกเหตุอะไรไหม เขาบอกไม่นะ ยังหัวเราะ แต่งหน้าด้วยกันอยู่เลย เราก็แบบยิ่งเห็นใจ เขาก็พูดซ้ำๆ ว่าโมว่ายน้ำไม่เป็น ไม่แข็งแรงเลย เพราะไม่ใช่คนออกกำลังกาย ไม่น่าจะรอด แล้วเขามีพูดอีก หรือว่าไปเกาะริมฝั่งแล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้าน เขาก็ยังมีพูดแบบนี้ขึ้นมา”

ระหว่างพูดเขากระวนกระวายร้องไห้ไหม?

บีม : “เขามีครับ ผมกับภรรยายังงงว่าเขามีปัญหาหรือเปล่าคือเขาเล่าๆ ด้วยน้ำเสียงปกติ แล้วเขาก็จะโฮ 3 วิ แล้วก็เล่า ผมยังบอกเลย เห้ย น้องมึงร้องไปเลย เดี๋ยวมึงต้องร้องอีกเยอะ คนเราไม่ควรเก็บความรู้สึกถูกไหมครับ เราก็ยังไม่ทราบไงว่าอะไายังไง”

คุณได้ถามคุณกระติกไหมว่าภรรยาเขารู้เรื่องไหมว่าสามีเขามาขึ้นเรือ?

บีม : “ตอนบีมขึ้นท่า บีมถามว่าแล้วคนอื่นละ เขาบอกไปที่ปั้มน้ำมัน เขาไปคุยหับทนายอยู่ เราก็เอะใจทำไมต้องคุยกับทนาย เขาบอกว่าเขาเคลียร์เรื่องหลังบ้าน ภรรยาคุณปอไม่รู้ว่ามาลงเรือที่คุณกระติกบอก คืออันนี้เป็นเรื่องในบ้านเขาไง เราก็ไม่อยากยุ่ง”

บีมคิดว่าความรู้สึกจริงๆ ของกระติก เขาต้องการอะไรที่พูดแบบนั้นในวันนั้น?

บีม : “ชี้นำให้เราเชื่อไงว่าแตงโมตกเรือ มีความน่าจะเป็น เพราะแตงโมเป็นคนห่าม เพราะเราคลุกคลีกับน้องมา เขาก็โตตามวัย เราเห็นตั้งแต่ 20 กว่า โทเป็นคนสนุกสนาน มัน ลุย เราก็คิดว่าเป็นไปได้ แล้วพลาด”

กลัวไหมว่าเราพูดเยอะไปหรือเปล่า?

บีม : “ถ้าผมปิด ผมจะเป็นคนผิดดิ แล้วเรื่องอะไรการที่ผมออกไปเป็นจิตอาสา แล้วตั้งใจหาร่างน้องโมแล้วผมต้องมาเป็นเหยื่อ มันไม่มีเหตุผลเลยมีอะไรผมก็เล่าความจริง แชร์ความจริง เพราะคนเขาอยากรู้ความจริง”

ทนายตั้มกลัวไหม มีใครมาขู่ไหม?

ทนายตั้ม : “ผมตายด้านแล้วครับ ไม่กลัวอะไรแล้วครับ คือมีหลายคดีที่ทำแล้วมันเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ ผมก็เลยไม่กลัวแล้ว”

ถ้าเขาเคาะมาว่าเป็นอุบัติเหตุละ เพราะตอนนี้ดูรูปการณ์หลายๆ อย่าง มันกูแนวโน้มว่าจบด้วยอุบัติเหตุ?

ทนายตั้ม : “มันยังมีอีกหลายอย่างที่ทางพี่ชายเขายังสงสัยอยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปจะเคาะอะไรมาไม่รู้ แต่เราก็ต้องไปให้เขาคลายปมเราตรงนี้ให้ได้”

เมื่อคืนทนายตั้มก็โพสต์อีกแล้ว เรื่องคนวงในขายข้อมูลให้อักษรย่อว่า น.?

ทนายตั้ม : “มันมีพลตำรวจตรีคนนึง เขาก็ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการสอบสวน สืบสวนของเรื่องนี้ เขาก็เอาไปบอกกับคนอื่น แล้วอนาคตมันเป็นประโยชน์กับผู้ต้องหา ผมก็เลยปรามไปเท่านั้น”

จริงๆ ข้อมูลนี้ควรจะเก็บไว้ ไม่ควรไปบอกใคร เพราะมีผลต่อรูปคดี?

ทนายตั้ม : “ใช่ครับ ข้อมูลการสืบสวน สอบสวน ต้องเป็นความลับ ที่มาบอกกับสื่อได้คือขั้นตอนการพิจารณาธรรมดา แต่ถ้าเป็นเรื่องลับว่าใครนู้น นี่นั่น ยังไง มันไม่สามารถที่จะบอกใครได้”

อย่างนี้มีความผิดทางกฎหมายไหม?

ทนายตั้ม : “มีครับ เปิดเผยความลับราชการ ผมโพสต์ ผบ.ตร.ต้องมีการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้”

คดีนี้แตงโมจะตายฟรีไหม?

บีม : “ผมกลัวว่าจะเป็นอย่างที่พี่พูดเลยครับ เพราะในสิ่งที่สังคมโซเชียลกำลังสืบ กำลังหาความจริงอยู่ แต่การปฏิบัติงานหรือในสำนวนมันก็อีกเรื่องนึงในกระบวนการยุติธรรม เหมือนมันคนละโลก เราก็อยากหาความจริง แต่ว่าตรงนั้นหลักฐานที่เขาได้ เขาเอาผิดคนผิดได้เท่านี้ ผมก็ห่วงว่ากลัวจะตายฟรี”

ทนายตั้ม : “ก่อนหน้านี้หลังจากแม่เขามีการขอโทษแล้วพูดถึงเรื่องเงิน ตอนนั้นก็ท้อแท้และหมดหวัง แต่ตอนนี้พอได้คุยกับพี่ชายของแตงโม เขาพร้อมจะออกมาสู้ ผมว่าตอนนี้พี่ชายของแตงโมเป็นความหวังของหมู่บ้านแล้ว เขาไม่ยอม เขาต้องการหาความจริงให้ได้”

ถ้าแม่เขาบอกว่า ดายศ ไม่ได้นะ?

ทนายตั้ม : “มันอยู่ที่เขาแล้วครับว่าเขาจะฝืนตรงนี้ได้ไหม”

สิ่งที่แหม่มโพธิ์ดำโพสต์แบบนี้มันถูกต้องกี่เปอร์เซ็นต์?

ทนายตั้ม : “อันนี้เป็นเพจแหม่มโพธิ์ดำปลอมไม่ต้องไปตาม ของแท้จะไม่เขียนอะไรแบบนี้แน่นอน เขามีกึ่นกว่านี้ในการเขียน แล้วคนก็ไปเชื่อว่าอันนี้คือของแท้”

เมื่อวานมีการเรียกสอบปากคำเพิ่มเติม แต่มีคุณแซนคนเดียวที่ไม่มาโดยบอกว่าติดธุระส่วนตัว?

ทนายตั้ม : “ถ้าเกิดจะแสดงความบริสุทธิ์ใจมันต้องมาทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่เรียก เพราะจริงๆ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีอำนาจไปบังคับว่าจะต้องมาวันนี้ หรือจะไปออกหมายจับ แต่ว่าถ้าไม่มาอาจจะโดนขอหมายจับได้ในอนาคต ถ้าเกิดว่ามีลูกเล่นกับเจ้าหน้าที่”

บีม : “เราก็ไม่ทราบเขา เรื่องส่วนตัวอาจจะเป็นเรื่องที่บ้าน แต่จริงๆ ตามกฎหมายเรามีสิทธิเลื่อนหรือพลัดไหมครับ
ทนายตั้ม : สามารถขอเลื่อนได้ครับ”

บีม : “ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขา แต่ว่ามันไม่สมควรที่จะเลื่อนอะครับ”

ทนายตั้ม : “มันเป็นการขอความร่วมมือเฉยๆ  ก็อย่างที่ผมบอกอะครับ เราบริสุทธิ์ใจหรือเปล่า ก็มาทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่เรียก”

ทำไมตอนนั้นที่ปอติดต่อมา ทำไมทนายตั้มบอกว่าไม่เอา?

ทนายตั้ม : “ผมรู้จักกับน้อง แล้วฝั่งนู้นเขาก็มีทนายความอยู่แล้ว”

โซเชียลก็เลยบอกว่าตอนแรกที่ไม่ได้รับคดีนี้แล้วเขาไปใช้ทนายคนอื่น เหมือนทนายตั้มกำลังแก้เผ็ดคุณปอหรือเปล่า?

ทนายตั้ม : “ผมไม่ได้รับอยู่แล้ว ถ้าผมอยากทำ ผมก็ไปบอกตั้งแต่ตอนต้นแล้ว”

มันมีประโยคนึงที่บอกว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างในประเทศนี้ ในฐานะทนายทำคดีมาเยอะมาก เงินมันซื้อได้ทุกอย่างในประเทศนี้จริงไหม?

ทนายตั้ม : “บางส่วนมันก็ถูกต้องแต่ว่าเราอย่าไปคิดอย่างนี้เดี๋ยวเราก็หดหู่พอดี เอาเป็นว่าตอนนี้เรามีความหวังแล้วกัน”

เงินซื้อคดีนี้ได้ไหม?

บีม : “ผมว่าอาจจะ”

ตอนนี้คดีเหมือนจะสรุปสำนวนแล้วยังไม่เห็นมีใครเข้าเครื่องจับเท็จเลย?

ทนายตั้ม : “เขาอาจจะเข้าไปแล้วก็ได้ แต่ว่าเครื่องจับเท็จมันเอาไปใช้ในศาลไม่ได้ แต่ใช้ในการสืบสวนได้ เพราะว่าความน่าเชื่อถือของมันไม่ได้ชัวร์ 100% จริงๆ ก็ควรจะเข้านะ ทำอะไรเยอะไว้ดีกว่าขาด”

เรื่องการอภัยของแม่ ให้อภัยปอ โรเบิร์ต 100% จะมีผลต่อการพิจารณาคดีไหม?

ทนายตั้ม : “มีแน่นอนครับ สมมติว่าอนาคตเขาไปเป็นจำเลยบนศาลเขาต้องเอาคลิปต่างๆ เหล่านี้หลักฐาน แล้วเอาที่เขาสมมติชดใช้ค่าเสียหายให้ เขาก็จะเอาตรงนี้ไปใช้ในศาลด้วยว่าตัวผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความแล้ว ได้รับชดใช้จนเป็นที่พอใจ”

ข่าววงในบอกว่าคุณแม่มีการรับแล้ว อย่างต่ำๆ 100,000 บาท วันนั้นก่อนที่จะไปออกรายการโหนกระแส?

ทนายตั้ม : “อันนี้ก็เป็นไปได้ แต่ไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่า”

แม่มีโอกาสจะได้ถึงหรือใกล้เคียง 30 ล้านไหม?

ทนายตั้ม : “ผมว่าไม่ใกล้ครับ เพราะว่าเขาน่าจะไม่ให้ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ครึ่งนึงผมว่าก็ไม่ถึง ฟังจากที่เขาไปออกรายการ เขาคำนวณมาเองว่าน่าจะได้เท่านี้ ส่วนจะได้จริงหรือเปล่ามันคืออีกเรื่องนึง”

คุณแม่บอกมีคนแนะนำมาว่าให้คิดแบบนี้?

ทนายตั้ม : “ตำรวจเป็นคนแนะนำ คุณแม่บอกว่าให้คำนวณเป็นรายปี ปีละ 1 ล้านกี่ปีๆ คำนวณไป”

จริงๆ แล้วตำรวจเหมาะสมจะแนะนำอะไรแบบนี้ไหม?

ทนายตั้ม : “เขามีสิทธิที่จะแนะนำได้ เพราะถือว่าเป็นผู้เสียหาย แต่จริงๆ คุณแม่ไม่ควรที่จะรีบ อนาคตได้อยู่แล้วครับ”

เงินเยียวยา 30 ล้านที่แม่เรียก คิดว่าแม่ทำถูกยัง แต่ต้องบอกว่าคุณแม่เขาสมมติตัวเลขนะ?

บีม : “อันนี้ต้องขออนุญาตออกความเห็นนะครับคุณแม่ ผมว่าทุกๆ คดีอย่างนี้มันก็ต้องมีเงินเยียวยา แต่ตรงนี้บีมว่ามันเร็วไปนิดนึง เพราะเรายังไม่รู้เลยว่ารูปคดีเป็นยังไง อาจจะเร็วไปนิดนึง ทำให้สังคมเซ้นซิทีฟมาก”

วันนั้นที่แม่บอกให้อภัยฝั่งนู้น 100% แต่ให้อภัยเพื่อนครึ่งนึง ฟังแล้วรู้สึกยังไง?

บีม : “ผมงงนะครับตรงนี้ เพราะว่าเพื่อนที่มาเขาก็ไม่ได้มาเอากระแสเนาะ แล้วไม่ได้ทำเพื่ออยากจะเด่นดังขึ้นมา คือทำเพื่อเพื่อนรัก เรียกว่าห้ำหั่นน้ำใจกันเกินไปหน่อยในความรู้สึกบีม”

30 ล้านเป็นตัวเลขที่คุณแม่สมมติขึ้นมา แต่ในเคสนี้คุณแม่สามารถเรียกร้องเป็นเงินในคดีอะไรได้บ้าง?

ทนายตั้ม : “คดีแพ่ง เรียกค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะ นี่คือหลักๆ ถ้าเยอะๆ อาจจะมีค่าทำขวัญ”

อย่างนี้มันสามารถเรียกได้เท่าไหร่?

ทนายตั้ม : “มันอยู่ที่คนเสียชีวิตเลย ว่าเขามีกำลังที่จะหาได้แค่ไหนแล้วอายุเท่าไหร่”

วันงานอยากใส่ซองทำบุญร่วมกันไหม คืออยากไปทำบุญที่งานนี้ให้คุณแม่หรือจะเอาไปทำบุญที่อื่น?

หนิง : “หนิงได้มีการพูดคุยในกลุ่มเพื่อนๆ งานศพน้องแตงโมหนิงเชื่อว่ามีคนไปเยอะ แล้วเวลาใส่ซองทำบุญ เงินจะไปไว้ที่ใคร มันควรจะมีกล่องอยู่ตรงกลางไหม เอาไว้ให้คนคิดว่าเงินตรงนี้ทำบุญไปให้แตงโมไหม ถ้าเป็นหนิงนะ หนิงไม่ใส่ซองให้คุณแม่”

บีม : “ต้องอยู่ที่เจ้าภาพหรือคนจัดงานคือใคร อาจจะใส่ซองกลางอย่างที่พี่หนิงบอก แต่ท้ายที่สุดแล้วคนที่มีอำนาจเอาเงินไปทำบุญต่อก็อาจจะต้องเป็นคุณแม่หรือเปล่า อันนี้บีมก็ไม่ทราบ”

ทนายตั้ม : “ผมมองอย่างคุณบีมว่ามันต้องมีเจ้าภาพที่รับเงินตรงนี้ไปทำต่อ แล้วใครจะเป็นคนจัดการ เอาง่ายๆ นะใครจะมารับหน้าเสื่อตรงนี้ทำ ถ้าเกิดไม่ใช่แม่หรือพี่นะครับ โดนทัวร์ลงครับ เพราะมันเกี่ยวข้องกับเงินทอง”

พีเค :” พี่คิดเหมือนหนิง แต่ว่าสมมติแม่เขาไม่ได้พูดเรื่องเงินเลย แล้วเขาเป็นคนรับจัดงานศพให้ พี่ก็ว่าหนิงเอาเงินไปให้แม่ แต่ว่ามันมีประเด็นนี้มา หนิงบอกว่าเอาเงินใส่กองกลาง แล้วใครที่สมควรจะได้ไปก็ไปจัดการต่อ ซี่งพี่ก็ว่ามันก็คือแม่เพราะฉะนั้นด้วยความสบายใจ สำหรับพี่เอง พี่ฝากเงินหนิงไปใส่แล้วกัน”

มีการแชร์คลิปเยอะมากเกี่ยวกับการเห็นเหตุการณ์ผู้หญิงตกเรือ อันนี้ไปใช้ในการพิจารณาคดีได้ไหม?

ทนายตั้ม : “ได้ครับ ผมคิดว่าทุกอย่างทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะเห็นแล้ว ก็คงจะเก็บไป แล้วไปดู แล้วมีการสอบพยานบนเรือว่า อย่างแรกมันใช่เรือลำนี้ก่อน เรือลำนี้ เวลานี้ แล้วทำไมมันถึงมีเหมือนผู้หญิงตกไป”

ทนายตั้มเห็นแล้วใช่ไหม เหมือนผู้หญิงตกไป?

ทนายตั้ม : “ผมว่ามันใช่เลยนะ”

คุณชายอนันทวีปออกมาประกาศตามหากล้องวงจรปิดแถวๆ นั้นว่าใครมีส่งมาหน่อย คุณชายไปถึงพื้นที่เอง ที่วัดเขมาฯ เขาบอกว่าถูกลบไปแล้ว เพราะว่าดูแล้วไม่มีอะไร ปล้วลบทำไม?

ทนายตั้ม : “นั่นแหละลบทำไม มันเป็นพยายหลักฐานได้”

มีโอกาสไหมที่แม่จะไม่ได้เงินเลยจากเคสนี้?

ทนายตั้ม : “ผมว่าในเคสนี้ยังไงก็แล้วแต่เขาต้องให้ แต่ว่าจะได้มากได้น้อยแค่นั้นเอง ยกเว้นแต่ว่าเขาจะกินดีหมีมาสู้ว่าไม่ได้ประมาท ถ้าเกิดเขาชนะขึ้นมาเขาก็ไม่ต้องจ่ายแม่ แต่คิดว่าไม่มีใครเสี่ยงหรอกครับ เพราะว่าเรื่องนี้เขามีเงินอยู่แล้ว จ่ายได้ เขายินยอม โอกาสที่จะลงโทษน้อย รอลงอาญามีสูง”

ถ้าสมมติแม่มีการรับเงินจากปอและโรเบิร์ตมา 1 แสน ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดีเสร็จ จะถือว่าติดสินบนเจ้าทุกข์ได้หรือไหม?

ทนายตั้ม : “ไม่มีครับ มีแต่ติดสินบนเจ้าพนักงาน เจ้าทุกข์ไม่มีติดสินบนครับ สามารถให้ได้ครับ”

ความคาดหวังคดีนี้เป็นไปได้ทิศทางไหนบ้าง?

ทนายตั้ม : “จริงๆ ไม่ได้คาดหวังว่าเป็นฆาตกรรมหรืออะไร แต่ว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำความจริงให้ปรากฎ คือทุกคนสงสัยว่าน้องแตงโมเสียชีวิตเพราะอะไรกันแน่ คือรู้แล้วว่าจมน้ำแต่ว่าจมท่าไหน ตกท่าไหน แล้วแผลโดนอะไร ตรงนี้อยากจะเคลียร์ให้มันหายสงสัย”

ถ้าเคลียร์แล้วประชาชนไม่หายสงสัย สุดท้ายคดีนี้จะเงียบเหมือนคดีที่ผ่านๆ มาไหม ?

ทนายตั้ม : “ก็มีโอกาสครับ คือถ้าสื่อ