“ซูโม่กิ๊ก” เตรียมโบกมือลาวงการบันเทิง เคลียร์ดราม่าทะเลาะ “ติ๊ก กลิ่นสี”

เกือบ 40 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงสำหรับ ป๋ากิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ หรือ ซูโม่กิ๊ก ล่าสุดมาเปิดใจในรายการโต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกร หนูแหม่ม สุริวิภา เตรียมย้ายครอบครัวไปอยู่สุพรรณ พร้อมโบกมือลาวงการบันเทิง รวมทั้งเคลียร์ข่าวดราม่าทะเลาะกับเพื่อนร่วมวงการอย่าง ติ๊ก กลิ่นสี เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ซูโม่กิ๊กมาจากไหน ?
“มาจากเพชรฆาตความเครียด  เทียบกับยุคนี้ก็คือก็เหมือนตลกหกฉาก ซึ่งตอนนั้นก็เล่นหนังเยอะเหมือนกัน และซูโม่กิ๊กมาจากกลุ่มที่ชื่อซูโม่สำอางค์ แต่ละคนจะมีคำนำหน้าว่าซูโม่ทุกคน พอหลังจากนั้นก็จะมีกลุ่มเสนายุทธการขยับเหงือก หลังจากนั้นพี่ก็ออกมาเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงช่อง 3”

หลายคนบอกว่าเราทะเลาะกับ ติ๊ก กลิ่นสี ?
“ไม่มี ไม่ได้ทะเลาะใคร ไปเอาข่าวมาจากไหน จะบอกว่าพี่กับพี่ติ๊กทะเลาะกันยากมาก คือหนึ่งเป็นเพื่อนกันก็อีกเรื่องนึง แต่ว่าพี่ติ๊กเป็นคนดีมาก เพราะเขาวางตัวไว้แล้วว่าถ้าเกิดทำและรุนแรงทั้งคู่มันจะขัดแย้ง ซึ่งเขาจะเป็นคนสั่งเราส่วนใหญ่ ซึ่งเขาเป็นคนดีนะ ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีบริษัททริปเปิ้ลทรู และเขาเป็นคนให้เกียรติและรับฟัง เป็นคนยอมคนและยืดหยุ่น”

เป็นคนที่จริงจังกับการใช้ชีวิตมาก ?
“ถามว่าไหวอยู่ไหม ตอนนี้เราก็ยังไหวอยู่ แต่อาจจะทดถอยลงจาก 100 เปอร์เซ็นต์ ก็เหลือ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่เดี๋ยวนี้ระวัง เบรกแล้วก็มีพักบ้าง ซึ่งเราก็นอนหลับเลย อย่างสมัยก่อนเราก็ยังไปเดินเล่นได้ แต่เดี๋ยวนี้คือนอนอย่างเดียวเลย”

เจ้าพ่อการอ่านหนังสือ ?
“ถ้าว่างก็ยังอ่านอยู่เหมือนเดิมเป็นโฟโต้บุ๊ก หรือเป็นเรื่องที่วิเคราะห์นู่นนี่นั่น หรือจะเป็นนิยายหนังสือฝรั่งเศสไทยได้หมด มันสามารถช่วยงานพิธีกรได้ ใครที่อยากเป็นพิธีกรต้องเริ่มต้นจากการอ่านหนังสือเพื่อสะสมประสบการณ์ชีวิต เอาจากวิธีการที่คนอื่นเขาเขียนมาทำให้สมองเรารู้สึกกว้างมาก ถึงจะไม่ลึกแต่กว้างมากจริงๆ”

เวลาอ่านหนังสือต้องอ่านเสียงดัง ?
“คือการอ่านหนังสือเราต้องการอ่านแบบออกเสียง ต้องใส่วอเตอร์สกิลทักษะกลไกของร่างกาย ถ้าเกิดเราอ่านในใจเว้นช่วงระยะนั้นต้องใช้กลไกของกล้ามเนื้อของปากในสมอง แล้วก็จะคิดคันว่าเราควรจะพูดอะไรต่อไปมันทำให้เราพูดชัดขึ้น คือไม่ต้องท่องจำแต่ถ้าเกิดเรามีความรู้อยู่กับตัวแล้ว และรู้จักการอ่านออกเสียงชัดเจน เราจะรู้เลยว่าคำไหนที่เราไม่ถนัด”

บทบาทการเป็นคนพ่อ ?
“ไม่กดดันลูกเรื่องมีลูก ซึ่งตอนนี้เขาก็คงพยายามอยู่ เพราะเราพูดตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานแล้วว่าเราอยากมีหลาน ซึ่งตอนนี้ก็กำลังจะย้ายครอบครัวไปทำบ้านอยู่ที่สุพรรณบุรี และเราเคารพทั้งสองครอบครัวการที่จะย้ายไปอยู่สุพรรณ เราก็เลยบอกเขาว่าถ้าตัดสินใจจะอยู่สุพรรณ เปากับเอิร์ธก็ต้องเลือกว่าอยากมีบ้านอยู่ที่ไหน เขาก็ต้องเลือกชีวิตของเขาเอง เพราะเขาอยากเป็นเกษตรกร เขาต้องไปสนุกสนานกับพ่อตาเขา”

“หลังจากนั้นเขาก็ไปหาซื้อที่ดินก็ได้ที่ดินมาอยู่ที่ ศรีประจันต์ แม่เขาก็ชอบ การที่เราอยู่ที่ไหนเลือกที่จะทำอะไรต้องคิดว่าเรามีความสุขไหม ถ้าเกิดฝืนที่จะต้องมีความสุขเพื่อลูกเมียมันไม่ได้ คนเราต้องอยู่บนพื้นฐานของความสุข เพราะถ้าวันหนึ่งเส้นที่มันมัดไว้ขาดกันขึ้นมา มันก็จะตีกันเหมือนเดิม เพื่อนที่บั้นปลายชีวิตก็อยากไปอยู่สุพรรณ เพราะความสุขของเราคือการได้อยู่กับลูก ซึ่งเราตั้งใจจะเกษียณอายุในวงการตอนอายุ 65”