ความภูมิใจของ “อรชร เชิญยิ้ม” ไม่มีน้ำนมก็เป็นแม่ได้นะคะ

อรชร เชิญยิ้ม ดาราตลก เผยความภาคภูมิใจ เป็นทั้งพ่อ และแม่ที่แท้จริง ทะนุถนอมเลี้ยงลูกตั้งแต่แรกเกิดจนโตเป็นสาว ไม่สนบูลลี่เหยียดเพศ เอามาเป็นพลังบวกเดินหน้าทำมาหากิน เหนื่อยยากแค่ไหนไม่เคยท้อ ขอให้แก้วตาดวงใจกินอิ่มนอนอุ่นเท่านี้ก็มีความสุข

“ปัญหามีไว้แก้ ทุกปัญหามีทางออก เราไม่มีน้ำนมก็ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงลูกไม่ได้”

วันแม่ 12 สิงหาคม 2564 อรชร เชิญยิ้ม ดาราตลก เลื่อนไหลจากชายมาเป็นหญิง เริ่มต้นพูดคุยกับ ในฐานะผู้ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ เลี้ยงดูลูก 1 คน ตั้งแต่ยังเป็นทารกอายุเพียงแค่ 8 วัน จนโตเป็นสาว กำลังจะมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ บอกเล่าถึงความคิด เมื่อจำต้องแยกทางกับอดีตภรรยา

“เด็กควรได้ดื่มน้ำนมร่างกายจะได้สมบูรณ์”
อรชร ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ก็อาศัยชงนมกระป๋องให้ลูกดื่ม ป้อนข้าวบดกับกล้วยน้ำว้าให้ลูกกิน เมื่อเป็นฝ่ายนำลูกมาเลี้ยง

“คนที่ไม่มีน้ำนมจากเต้าก็เลี้ยงลูกมาจนโตได้ มันอยู่ที่ความรับผิดชอบ”
อรชร
ภาคภูมิใจสามารถเลี้ยงลูกให้เติบใหญ่ ยอมรับได้กับเพศสภาพบุพการี ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงบุลลีเหยียดเพศ จากการแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นผู้หญิงเล่นตลก แสดงหนัง แสดงละคร เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เคยนำมาคิดให้บั่นทอนจิตใจ แถมยังใช้เป็นพลังบวก ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งนอกจากลูกสาวแล้ว ยังมีแม่ และหลานที่ต้องดูแลอีกหลายชีวิต

ครอบครัวของ อรชร เชิญยิ้ม

“เราเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แรกๆ ก็แมนๆ นี่แหละ ไปรับจ้างแบกกระสอบข้าว กระสอบปุ๋ย แบกของสารพัด จนมาได้เล่นลิเกกับน้ากล้วย เชิญยิ้ม เล่นเป็นตัวโจ๊กแต่งตัวเป็นผู้หญิงแล้วได้ตังค์ได้รางวัลดีก็ปล่อยเลยตามเลย เดินตูบิดติ๊ดๆ ติ๊ดๆ มันมีความสุขนะเราเป็นแบบนี้ โดยที่ไม่ต้องมานั่งแอ๊บ”

“ที่บ้านอิ่มไม่อด เราก็ได้เป็นตัวของตัวเองใครจะว่ายังไงก็ช่าง ใครมาว่าเป็นตุ๊ด เป็นกะเทย ค่าขอบคุณค่ะ ไม่สนใจ เราจะมีกินหรือไม่มีกิน เขาไม่ได้ยื่นโยนอะไรมาช่วยเหลือเรานิ่สนใจทำไม”

“แม่ไม่เคยว่า พ่อก็ปรับเปลี่ยนความคิด จากที่ไม่ชอบเลยที่เราเป็นแบบนี้ วันนหนึ่งมีคนมาตะโกนหน้าบ้าน เฮ้ยลูกมึงเป็นตุ๊ด พ่อพูดว่าเฮ้ยอย่ามาว่าลูกกูนะ ถึงลูกกูเป็นตุ๊ดทุกบาททุกสตางค์กูมีกินมีใช้เพราะลูกกู เพราะตุ๊ดนะ พอพ่อเสียชีวิตเราก็เป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งอาศัยกันอยู่ใน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร”

ยิ่งลูกสาวชวนไปร่วมกิจกรรมวันแม่ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น โดยไม่แคร์สายตาเพื่อนๆ ยิ่งทำให้ อรชร รู้สึกอิ่มเอมใจ แต่งสวยไปให้ลูกสาวกราบให้ดูเหมาะสมที่จะเป็นแม่ เพื่อไม่ให้ด้อยไปกว่าแม่ของคนอื่น ซึ่งได้อธิบายให้ลูกฟังมาตั้งแต่เล็กๆ ว่า แม่ไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ

อรชร เชิญยิ้ม กับลูกสาว

“เขาเอาพวงมาลัยมากราบแล้วร้องไห้ เขาไม่อายเพื่อนเลยเราก็ดีใจ”

ทุกครั้งที่เพื่อนๆ ที่โรงเรียนถาม ลูกก็ตอบอย่างภาคภูมิใจกับเพศสภาพที่เขาเลือก สมกับกับที่พร่ำสอนมาตลอด อย่าวัดคุณค่าของคนเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก คุณค่าของคนอยู่ที่การกระทำ

“จะสอนลูกอยู่เสมอว่า ทำตัวดีๆ อย่าดื้อ เราก็จะเป็นทั้งพ่อและแม่แบบนี้ คุณค่าของความเป็นคนเท่าเทียมกันหมด ไม่ได้อยู่ที่เพศสภาพหรือรูปร่างหน้าตา ทุกคนก็คือคนเสมอภาคกัน จะเป็นอะไรก็ช่าง อย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็พอ”

“อย่าแบ่งชั้น วรรณะ คนเหมือนกัน คุณค่าของความเป็นคน เท่าเทียมกันหมด จนรวยมันแยกกันตรงที่แก้วแหวนเงินทอง แต่ความเป็นคนคุณค่าของคน เสมอภาคกัน”

“สมัยนี้โลกมันกว้างขึ้นเยอะแล้ว คนที่ยังมีอคติกับเพศทางเลือก คุณต้องเปิดใจให้เราเข้าสู่สังคมได้ เขาไม่ได้ทำตัวเลวทราม ที่เห็นมาเนี่ย คนที่เป็นอย่างชรเนี่ย เลี้ยงดูครอบครัวนะ รักพ่อรักแม่นะ ไม่ทิ้งลูก ไม่ทิ้งพ่อทิ้งแม่ด้วย”

ในการพูดคุยครังนี้ น้องใบเตย ลูกสาวของ อรชร เชิญยิ้ม ได้ร่วมแสดงความรัก ความภูมิใจ ที่มีต่อบุพการีที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ เหนื่อยอยากแค่ไหนไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ เพื่อให้ลูกได้กินอิ่มนอนอุ่น

ลูกสาว นำพวงมาลัยมากราบ อรชร

“รู้ว่าคนที่เป็นทั้งพ่อและแม่เป็นแบบนี้มาตั้ง ป.3 เวลาพ่อขึ้นไปนั่งเก้าอี้ แล้วเราไปไหว้ไม่เขิน ไม่อายใครทั้งนั้นค่ะ เขาเป็นทั้งพ่อทั้งแม่รักมากจ้ะ เหมือนโลกทั้งใบเลยจ้ะ ไม่รู้สึกว่าขาดแม่เลย เขาดูแลเราดี เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยปล่อยให้อด” น้องใบเตยบอกก่อนหอมแก้ม แสดงความรักผู้เสมือนเทวดานางฟ้าคุ้มครองผองภัยให้ลูก มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย

ได้ยินแบบนี้ อรชร อมยิ้ม ปิดท้ายการพูดคุยด้วยการบอกว่า สิ่งที่ทำให้คนเป็นพ่อคนเป็นแม่ชื่นใจ ไม่มีอะไรมาก เพื่อแค่รู้ว่าลูกนั้นรักเรา คิดถึงเรา มีความกตัญญูต่อเรา เพียงแค่นี้ก็มีความสุขใจและชื่นใจแล้ว